OnePlus ประเทศไทย เปิดตัว 2 ผลิตภัณฑ์เรือธง ความสมบูรณ์แบบรองรับทุกชีวิตดิจิทัลที่เหนือกว่าพร้อมส่ง OnePlus 11 5G


หลังจากสร้างความฮือฮาด้วยการเปิดตัว “แจ็คสัน หวัง” ศิลปินระดับโลกเป็น OnePlus APAC Smartphone Ambassador คนแรกของภูมิภาคไปเมื่อเร็วๆนี้ 

OnePlus เปิดตัวผลิตภัณฑ์เรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ กับ “OnePlus 11 5G” ดีไซน์พรีเมียมสุดเรียบหรู ที่มากับสโลแกน “The Shape of Power” เร็ว แรง ทรงพลัง ชิปเซ็ตใหม่ล่าสุด Snapdragon 8 Gen 2 พร้อมเทคโนโลยี ray-tracing แรมสูงสุด 16GB พิเศษด้วยนวัตกรรมใหม่ RAM-Vita เอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะ OxygenOS 13 มอบประสบการณ์สุดลื่นไหลกว่าเดิม ถ่ายภาพอย่างมืออาชีพด้วยกล้องที่พัฒนากับ Hasselblad ยกระดับสีสมจริง ภาพสวยละมุนเหมือนถ่ายจากกล้องโปร ทรงพลังด้วยการชาร์จไวระดับไฮเอนด์ 100W SUPERVOOC เปิดตัวในราคาเริ่มต้นที่ ราคา 29,990 บาท นอกจากนี้ยังเปิดตัว อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์เรือธง หูฟัง OnePlus Bus Pro 2 โดยผลิตภัณฑ์เรือธงทั้งหมด เปิดจำหน่ายพร้อมกันทุกช่องทางแล้ววันนี้ และเตรียมพบกับโปรโมชั่นพิเศษในงาน Thailand Mobile Expo 2023 ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ วันที่ 16-19 กุมภาพันธ์นี้ เป็นต้นไป
 
ด้านความสุดยอด ประสบการณ์ความลื่นไหลไม่มีสะดุด รวดเร็ว และยาวนาน นายนที พิทักษ์ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์อาวุโส วันพลัส ประเทศไทย กล่าวถึงเรือธงล่าสุด “OnePlus 11 5G” ว่าสามารถสร้างสรรค์ประสบการณ์ทำงานที่รวดเร็ว และราบรื่นผ่านประสิทธิภาพอันทรงพลังของแพลตฟอร์มมือถือ Snapdragon® 8 Gen 2 ด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นในซีพียู 35% และจีพียู 25% ทั้งยังรองรับการเปิดใช้งานฮาร์ดแวร์แบบเรียลไทม์ หรือ Ray Tracing รวมถึงมีการสร้างวอลเปเปอร์แบบไดนามิคสามมิติ เพื่อให้ผู้ใช้ได้สัมผัสกับเอฟเฟกต์เงา การสะท้อน การหักเหแสงที่สดใสและสมจริง ผ่านขั้นตอนการเลื่อน ปัด หรือคลิกบนโทรศัพท์ ได้อย่างครบครันบน OnePlus 11 5G

นอกจากนี้ OnePlus 11 5G ยังมาคู่กับแรม LPDDR5X 16GB และเทคโนโลยี RAM-Vita ทำให้ใช้งานพร้อมกันได้ถึง 44 แอปพลิเคชัน พร้อมมีระบบ 100W SUPERVOOC ให้การชาร์จอันรวดเร็ว ควบคู่กับแบตเตอรี่เซลล์คู่ขนาด 5000 mAh ทำให้สามารถชาร์จแบตเตอรี่จากความจุ 1% ถึง 100% ในเวลาเพียง 25 นาที ช่วยยืดอายุการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความอุ่นใจได้อย่างยาวนาน

OnePlus 11 5G สามารถให้ความเร็วที่ยาวนานและประสบการณ์ใช้งานที่ราบรื่น จากการรับรองมาตรฐานโดย TÜV SÜD ในระดับ Fluency Rating A ใช้งานมือถือได้อย่างลื่นไหลต่อเนื่องแม้ผ่านไป 48 เดือน มีการรับรอง TÜV SÜD ด้านความแม่นยำและการสัมผัสในระดับ Precise Touching Rating S มีการรับรองจากหน่วยงานตรวจสอบอย่าง SGS ด้านการใช้งานที่ลื่นไหลระดับ Perceived Fluency A+ รวมถึงการรับรองจาก TÜV Rheinland ด้านการใช้และชาร์จอย่างปลอดภัย นอกจากนี้ OnePlus 11 5G ยังเป็นอุปกรณ์ตัวแรกที่รองรับการอัปเดทระบบปฏิบัติการ OxygenOS ได้ถึง 4 เวอร์ชัน พร้อมการอัปเดทระบบความปลอดภัยครอบคลุมถึง 5 ปี

ทั้งนี้ OnePlus 11 5G ยังเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ชิพเซต Snapdragon® 8 Gen 2 เครื่องแรกที่ได้รับอนุมัติให้ใช้เครื่องหมาย Snapdragon Spaces™ Ready โดยถือเป็นประตูให้นักพัฒนาสามารถนำไอเดีย XR มาสานฝันให้เป็นจริงและสร้างการค้นพบใหม่ ๆ ได้พร้อมกันผ่านแว่นตา headworn AR ซึ่งเมื่อรวมกับประสบการณ์ที่รวดเร็วและราบรื่น ฟังก์ชันการถ่ายภาพที่แสนง่ายดาย และการออกแบบที่หรูหราทันสมัย ทำให้ OnePlus 11 5G กลายเป็นเรือธงรุ่นล่าสุดที่ครบเครื่องรอบด้าน

จอแสดงภาพและเสียงสุดล้ำ

OnePlus 11 5G ชวนให้ผู้ใช้มาเห็นโลกที่เต็มไปด้วยสีสันและความมีชีวิตชีวาผ่านจอแสดงผล Super Fluid AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว 2K 120Hz พร้อม LTPO 3.0 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่บริษัทพัฒนาขึ้นเอง ช่วยให้การประหยัดพลังงานและปรับอัตรารีเฟรชตามการใช้งานเฉพาะ ทำให้มั่นใจได้ถึงความสม่ำเสมอและความชัดเจนโดยไม่คำนึงปริมาณเนื้อหา อีกทั้งการแสดงผลของ OnePlus 11 5G ยังช่วยถนอมสายตาจากการรับรองโดย SGS Low Blue Light EX

OnePlus 11 5G เป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์รุ่นแรก ที่ได้รับการปรับแต่งจาก Dolby Vision เพื่อขยายทุกประสบการณ์การใช้งานมือถืออย่างไร้ขีดจำกัด ด้วยภาพที่น่าทึ่งสามารถมอบความบันเทิงและปลุกเร้าการเดินทางผู้ใช้ได้อย่างมีชีวิตชีวา รวมทั้งยังมีการติดตั้งลำโพงคู่ ‘Reality’ ที่รับรอง Dolby Atomos ซึ่งช่วยยกระดับประสบการณ์เสียงที่เหนือคำบรรยายในลำโพงและหูฟังบลูทูธ

นอกจากนี้ ด้วยการสนับสนุนจาก Dolby Head Tracking บน OnePlus 11 5G จะทำให้ผู้ใช้ได้เพลิดเพลินไปกับความสมจริงในระดับที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน และยังเพิ่มประสบการณ์ที่อิสระมากขึ้น เมื่อใช้งานร่วมกับหูฟังไร้สายเพื่อให้ผู้ใช้สามารถรับฟังเสียงรอบทิศทางที่ชื่นชอบไม่ว่าจะหันศีรษะไปในทิศทางไหน อีกทั้ง Dolby Atmos ยังมีการปรับเทียบเสียงในเลเวลใหม่เพื่อสร้างประสบการณ์เสียงที่เป็นธรรมชาติ ให้ได้อยู่กับช่วงเวลาที่ดื่มด่ำอย่างไม่มีสะดุด

นายยงยุทธ คะสาวงศ์ อาจารย์พิเศษ วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ, เจ้าของเพจและยูทูปชาแนล Hasselblad the Expert กล่าวถึงกล้อง Hasselblad เจเนอเรชั่นที่ 3 ใน OnePlus 11 5G ไว้ว่า ประสิทธิภาพกล้องอันเยี่ยมยอด ระบบกล้องสามตัวของ OnePlus 11 5G ช่วยบันทึกแต่ละช่วงเวลาได้อย่างแม่นยำและสร้างภาพถ่ายที่เป็นธรรมชาติ และยังทำงานร่วมไปกับเซ็นเซอร์หลัก IMX890 50MP, เลนส์ถ่ายภาพบุคคล IMX709 32MP และกล้องอัลตร้าไวด์ IMX581 48MP เพื่อการตอบสนองความต้องการของช่างภาพทุกคน สำหรับโทรศัพท์มือถือ บน OnePlus 11 5G คือเครื่องหมายของการปรับเทียบสีธรรมชาติแบบใหม่ ซึ่งการรองรับด้วยเซ็นเซอร์มัลติสเปกตรัม 13 ช่องสัญญาณสำหรับระบุสีของแสงและโหมดถ่ายภาพบุคคล ได้ช่วยให้เกิดคุณสมบัติที่ครอบคลุมแบบเดียวกับกล้อง DSLR ทั้งการติดตามเชิงลึก, จุดแสงที่สมจริงและเป็นธรรมชาติ และเอฟเฟกต์แสงแฟลร์ นอกจากนี้ OnePlus 11 5G ยังมาพร้อมอัลกอริทึมใหม่ล่าสุด อย่าง TurboRAW HDR ที่ทำให้ช่วงไดนามิคที่กว้าง สามารถจับภาพฉากต่าง ๆ ได้ด้วยความคมชัดระดับ HDR ที่ไร้ที่ติ

การออกแบบที่สง่างามทันสมัย

OnePlus 11 5G ได้ผสานความโฉบเฉี่ยว สง่างาม และทันสมัยไว้ด้วยกัน ทั้งยังลงตัวอย่างการสร้างความสมดุลระหว่างงานออกแบบที่เป้าหมายแน่ชัดกับการดึงเสน่ห์เอกลักษณ์แบบเฉพาะตัว

ผู้ใช้สามารถเลือกระหว่างสีดำ Titan Black ที่ใช้กระจกฝ้าแบบด้านเพื่อสร้างความรู้สึกนุ่มนวลแต่ทนทานจนยากจะต้านทาน หรือสีเขียว Eternal Green ที่ได้แรงบันดาลใจจากเฉดสีของป่าฝนยามเย็น นำความมีชีวิตชีวามาให้รูปลักษณ์ภาพนอกที่เรียบลื่นน่าหลงใหล ขณะที่การเคลือบชั้นภายในยังทำงานสอดประสานเพื่อลดคราบรอยนิ้วมือได้ดีเมื่อโดนสัมผัส

เพื่อการปรับปรุงสรียศาสตร์ของโทรศัพท์ วิศวกรของ OnePlus จึงมุ่งเน้นไปที่ความโค้งมนโดยรวมเพื่อให้แน่ใจว่าพื้นผิวทั้งหมดอยู่ในระนาบที่ใกล้เคียงกัน พร้อมมีการปรับปรุงความรู้สึกขณะถือ เพื่อไม่ให้เกิดแรงกระแทก ใด ๆ หรือร่องรอยการสัมผัสที่ไม่จำเป็น

อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์เรือธง หูฟัง OnePlus Buds Pro 2 ออกแบบโดยความร่วมมือกับพันธมิตรที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรม ทำให้ OnePlus Buds Pro 2 ยกระดับคุณภาพเสียงให้สูงขึ้นไปอีกขั้นด้วยเสียงที่ราวกับนั่งอยู่ในโรงภาพยนตร์ ฟีเจอร์ที่ใช้งานง่าย และการออกแบบระดับพรีเมียม

Spatial Audio สำหรับผู้ใช้ Android

OnePlus Buds Pro 2 สร้างมาตรฐานอุตสาหกรรมใหม่ เป็นหูฟังเอียร์บัดตัวแรกที่ให้ความเสถียรของเสียงรอบทิศทางและความเข้ากันได้สำหรับผู้ใช้ Android เทคโนโลยีเสียงรอบทิศทางจำลองประสบการณ์เสียงรอบทิศทางของโรงภาพยนตร์ ทำให้ผู้ใช้ดื่มด่ำกับความบันเทิงอย่างเต็มที่

OnePlus Buds Pro 2 ถือเป็นหนึ่งในหูฟัง True Wireless Stereo ตัวแรกที่ใช้ฟังก์ชั่น Spatial Audio อันเป็นเอกลักษณ์ของ Google ที่พัฒนาขึ้นสำหรับ Android 13 ปลดล็อกประสบการณ์ที่ดื่มด่ำสำหรับหลากหลายแพลตพอร์มรวมถึงบน YouTube และ Disney+

ความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญ

OnePlus Buds Pro 2 ยังมีอีควอไลเซอร์ EQ ที่ปรับแต่งโดย Hans Zimmer นักแต่งเพลงเจ้าของรางวัลออสการ์ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับสมดุลของส่วนประกอบความถี่ให้เหมาะกับรสนิยมและสไตล์ดนตรีอันเป็นเอกลักษณ์ของ Hans ที่ได้รับการตั้งชื่อว่า “Soundscape” นี้เชิญชวนให้ผู้รักเสียงเพลงได้เพลิดเพลินไปกับเสียงออเคสตร้าเต็มรูปแบบของซิมโฟนีคลาสสิกหรือเสียงกระหึ่มหลายมิติของภาพยนตร์แอ็คชั่น

OnePlus ยังได้ร่วมมือกับ Dynaudio ผู้ผลิตลำโพงสัญชาติเดนมาร์กเพื่อร่วมสร้าง MelodyBoost™ Dual Drivers เทคโนโลยีไดรเวอร์คู่ 11 มม. + 6 มม. ให้ความถี่ต่ำอย่างต่อเนื่องเพื่อเสียงเบสไดนามิกที่ลึกขึ้น เต็มอิ่มขึ้น และมีเนื้อสัมผัสมากขึ้น รวมถึงเสียงร้องที่ไพเราะ เอียร์บัดยังมี EQ เริ่มต้นของ Dynaudio หนึ่งตัวและ EQ แบบกำหนดเองสามตัว ได้แก่ Bold, Serenade และ Bass ทำให้ผู้ใช้สามารถฟังเพลงทุกเพลงด้วยเสียงอันน่าทึ่ง

OnePlus Buds Pro 2 มีฟังก์ชัน Smart Adaptive Noise Cancellation (ANC) ชั้นนำในอุตสาหกรรมที่ได้รับการรับรองจาก TUV ซึ่งช่วยขจัดเสียงรบกวนรอบข้างได้สูงสุดถึง 48dB เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น OnePlus Buds Pro 2 มีโหมด transparency ซึ่งเมื่อเปิดใช้งานแล้ว ผู้ใช้จะมีส่วนร่วมในการสนทนาที่ชัดเจนกับผู้คนรอบข้าง แม้จะใส่เอียร์บัดอยู่ก็ตาม

ออกแบบมาเพื่อการฟังที่ไร้กังวล OnePlus Buds Pro 2 สามารถเล่นเพลงได้นานถึง 39 ชั่วโมง โดยสามารถชาร์จแบตเพิ่มเติมหลายครั้งด้วยเคส เพื่อรักษาประสบการณ์การสตรีมที่รวดเร็วและราบรื่นตลอดการใช้งาน

นอกจากนี้ OnePlus ยังได้ดึง “แจ็คสัน หวัง” ศิลปินระดับโลกเป็น OnePlus APAC Smartphone Ambassador คนแรกของภูมิภาค สำหรับ แจ๊คสัน หวัง ศิลปินระดับโลกเจ้าของรางวัลมากมาย ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “MAGIC MAN” ด้วยพลังในการทำงานและความสำเร็จในหลากหลายบทบาทจนไม่อาจละสายตาได้ ซึ่งสะท้อนจิตวิญญาณของแบรนด์ “OnePlus - Never Settle” ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพราะเราพัฒนาตัวเอง “ไม่เคยหยุดนิ่ง” มุ่งแสวงหาสิ่งที่ดีกว่าสำหรับผู้ใช้ของเราอยู่เสมอ

สำหรับ ผลิตภัณฑ์เรือธงทั้งหมดทั้ง OnePlus 11 5G และ OnePlus Bus Pro 2 เปิดจำหน่ายพร้อมกันทุกช่องทางแล้วตั้งแต่วันนี้ 

ราคาและการวางจำหน่าย 

OnePlus 11 5G 
วางจำหน่าย ราคา 29,990.- 

วางจำหน่าย ราคา 32,990.-

OnePlus Buds Pro 2 
วางจำหน่าย ราคา 6,490.-

ใหม่กว่า เก่ากว่า