Hurts Like Hell เจ็บเจียนตาย ขึ้นแท่นซีรีส์ไทยน้ำดีจาก Netflix

พุ่งติด Netflix Top 10 ประเทศไทย รับกระแสตอบรับร้อนแรง

 

ขนความเจ็บมาให้ถึงใจกันไปเรียบร้อย สำหรับลิมิเต็ดซีรีส์สัญชาติไทย “Hurts Like Hell เจ็บเจียนตาย” ที่ Netflix เปิดให้สตรีมกันได้ในกว่า 190 ประเทศทั่วโลกแบบ 4 ยก 4 ตอน กับเรื่องราวที่สำรวจความจริงเบื้องลึกของวงการมวยไทยจากต่างมุม จนล่าสุดทะยานติด 10 อันดับซีรีส์ยอดฮิตในประเทศไทย และได้รับเสียงตอบรับไปในทิศทางเดียวกันว่าเป็น “ซีรีส์ไทยน้ำดีจาก Netflix”


กว่าจะทำซีรีส์ที่กล้าออกหมัด เข้าคลุกวงในของผู้คนในวงการแห่งศักดิ์ศรีนี้ ผู้กำกับและโปรดิวเซอร์ของเรื่องต้องผ่านเรื่องราวอะไรมาบ้าง จะเจ็บเจียนตายเหมือนชื่อซีรีส์หรือไม่ ทั้งผู้กำกับ แชมป์ - กิตติชัย วรรณ์ประเสริฐ และโปรดิวเซอร์ นิ้ง - ภัทนะ จันทร์เจริญสุข จะมาเล่าให้ฟังแบบไม่มีกั๊กตั้งแต่หมัดแรกเลยทีเดียว



ทำไมต้อง “มวยไทย”


“แนวคิดที่จะทำซีรีส์เกี่ยวกับมวย เริ่มต้นมาจากครอบครัวคุณนิ้งเคยทำค่ายมวย  ทำให้คุณนิ้งซึ่งคลุกคลีอยู่ในวงการมวยไทยมาก่อนเห็นว่า ยังมีมุมที่คนทั่วไปอาจยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และอยากเล่าเรื่องนี้ให้คนนอกวงการได้ฟัง พอคุยกันด้วยความที่เป็นเรื่องไกลตัวทำให้เราต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งปีในการรีเสิร์ชข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญในวงการมวยที่รู้ลึกในแต่ละเรื่อง ซึ่งถ้าลองนับดูแล้วเราสัมภาษณ์ไปทั้งหมดประมาณ 40 คนเลยครับ ก่อนที่จะเริ่มถ่ายพาร์ทการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ” แชมป์กล่าว โดยเมื่อได้ข้อมูลเชิงลึกมาครบถ้วน และพบประเด็นที่อยากเล่า สองเพื่อนซี้ก็เริ่มทำบทต่อทันที





การรวมตัวของสุดยอดนักแสดงต้นแบบที่ไม่คาดฝัน


อีกหัวใจสำคัญของการถ่ายทำคือนักแสดงที่ถูกต้อง ในส่วนของพาร์ทซีรีส์ ได้รวมเอานักแสดงคุณภาพมาร่วมวงแบบไม่คาดคิด ไม่ว่าจะเป็น คับคั่งอย่าง ปู - วิทยา ปานศรีงาม, ปีเตอร์ - นพชัย ชัยนาม, เอก - ธเนศ วรากุลนุเคราะห์ และ ต๊อก - ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ รวมถึงนักแสดงดาวรุ่ง นัท - ณัฏฐ์ กิจจริต มารับบทตัวแทนชีวิตของผู้คนทั้งบนและรอบเวทีมวย นิ้งเล่าว่า “เราเลือกนักแสดงตามบทที่เขียน และดูว่าเรามองเห็นภาพใครมาแสดงบทนี้ ตอนแรกวางคุณปู คุณปีเตอร์ คุณเอก เป็นต้นแบบที่เราอยากให้มารับบท ทีมแคสติ้งก็ลองไปแคสคนที่คล้ายๆกันแต่ก็ยังไม่ได้ เลยลองติดต่อคุณปูที่เราวางไว้เป็นต้นแบบไปเลย พอคุณปูได้อ่านบทและบอกว่าสนใจเล่น เหมือนเปลี่ยนความคิดของทีมงาน เราจึงติดต่อทุกคนที่เราวางไว้เป็นต้นแบบของแต่ละตัวละคร เลยกลายเป็นว่าเราได้นักแสดงทุกท่านที่เราวางไว้เป็นต้นแบบมาเล่นจริงทั้งหมดเลย”


ในส่วนของนักมวยที่แสดงในเรื่อง แชมป์เผยว่า ทีมงานได้ลองแคสติ้ง 2 วิธี คือ การคัดเลือกนักแสดงมาฝึกมวย และการเฟ้นหานักมวยตัวจริงมาฝึกการแสดง ทำให้พบว่า การนำนักแสดงมาฝึกมวยนั้นทำให้ซีรีส์ขาดความสมจริงในส่วนของลีลาการชกไป จึงเลือกใช้อีกวิธี จนมาเจอกับ ภู - ภูริภัทร พูลสุข ที่เป็นนักมวยจริงๆและมีประสบการณ์การแสดงมาก่อน ซึ่งนักมวยคนอื่นๆในเรื่องก็ใช้วิธีเดียวกันในการแคส เมื่อได้นักแสดงครบแล้ว จึงจัดเวิร์กชอปการแสดงจนทุกคนเข้าถึงบทบาทได้อย่างถึงแก่นถึงเริ่มถ่ายทำ สำหรับพาร์ทการสัมภาษณ์พวกเขาเลือกจากผู้เชี่ยวชาญที่ไปขอข้อมูลในช่วงที่ทำรีเสิร์ช




การเล่าเรื่องที่แตกต่างแต่ลงตัว


สิ่งที่ถูกพูดถึงไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเนื้อเรื่องคือ เทคนิคการเล่าเรื่องที่เรียกได้ว่า “ถล่มหมัดถล่มแข้ง” ใส่มาทั้งพาร์ทซีรีส์ และพาร์ทการสัมภาษณ์ นิ้งเล่าว่า เป็นไอเดียของแชมป์ที่อยากให้แต่ละตัวละครมีมิติ มีเรื่องราวของตัวเอง เลยโฟกัสไปเลยว่าตอนนี้จะเล่าถึงคนนี้ คนนี้มีบทบาทแบบนี้ ซึ่งแต่ละตัวละครก็จะมีความเข้มข้นของตัวเอง ทั้งยังเชื่อมโยงส่งผลกระทบต่อตัวละครอื่นๆได้ด้วย ซึ่งในแต่ละตอนอาจมีบางส่วนที่ดูเหมือนเป็นเรื่องที่ซ้อนทับกัน จนชวนให้สงสัยว่าเป็นเหตุการณ์เดียวกันหรือไม่ แต่พอดูจนจบทั้ง 4 ตอนแล้ว ผู้ชมก็จะสามารถปะติดปะต่อเรื่องราวได้อย่างชัดเจนทันที


เห็นความละเอียด สร้างสรรค์ ก่อนจะมาขึ้นสังเวียนสตรีมมิ่งแบบนี้แล้ว ร่วมตามไปสัมผัสความเดือดใน Hurts Like Hell เจ็บเจียนตาย ซีรีส์ไทยคุณภาพครบเครื่องได้วันนี้ที่ Netflix เท่านั้น!

ใหม่กว่า เก่ากว่า