คำกล่าว มร. อาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท Huawei Technologies (Thailand) จำกัด ใน Meet the Press และการเผยแพร่รายงานประจำปี พ.ศ. 2564

 

กล่าวต้อนรับและขอบคุณ

  • สวัสดีครับ สื่อมวลชนทุกท่าน ผม อาเบล เติ้ง ซีอีโอ หัวเว่ย ประเทศไทย ขอขอบคุณและยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าร่วมงาน “Huawei Meet the Press” ผ่านช่องทางออนไลน์ เมื่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 ลดลง ผมจะรอต้อนรับสื่อมวลชนทุกท่านที่บริษัทของเราครับ
  • โควิด-19 มีการแพร่ระบาดหลายระลอก ส่งผลให้สภาพเศรษฐกิจเต็มไปด้วยความผันผวน เราซาบซึ้งใจและได้รับแรงบันดาลใจอย่างยิ่งจากความไว้วางใจที่ทุกท่านมีให้กับหัวเว่ย ประเทศไทย ขอบคุณอย่างยิ่งสำหรับการสนับสนุนในระดับมืออาชีพด้านสื่อ และเราจะพยายามอย่างเต็มที่ในการมอบสิ่งดี ๆ ให้กับลูกค้า คู่ค้า และสังคมไทยต่อไป
  • ภายใต้พันธกิจ "Grow in Thailand, Contribute to Thailand" ในปี พ.ศ. 2565 นี้จะครบรอบ 23 ปีของการก่อตั้งบริษัทในประเทศไทย ผมขอใช้โอกาสนี้แบ่งปันข้อมูลกลยุทธ์ทางธุรกิจของหัวเว่ยทั่วโลกและในประเทศไทยให้กับทุกท่าน


สาระสำคัญของรายงานประจำปีของหัวเว่ย ประจำปี พ.ศ. 2564

  • ผมขอขอบคุณทุกท่านที่เข้าร่วมรับชมการถ่ายทอดสดรายงานประจำปี พ.ศ. 2564 ผ่านไลฟ์ สตรีมมิ่ง ในครั้งนี้ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงินและประธานกรรมการบริหารแบบหมุนเวียนตามวาระของหัวเว่ยได้เผยผลการดำเนินงานและกลยุทธ์ด้านธุรกิจในอนาคต และวันนี้ผมขอเน้นย้ำข้อมูลที่สำคัญอีกครั้ง
  • ประการแรก แม้ว่าจะมีความกดดันจากปัจจัยภายนอก แต่หัวเว่ยก็ทำกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สถานะทางการเงินของบริษัทมีเสถียรภาพ สามารถลงทุนเพื่ออนาคตและรับมือกับความผันผวนได้อย่างมั่นคง กระแสเงินสดของเราเพิ่มขึ้น 75.9% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ผลกำไรจากธุรกิจหลักของเราเติบโตขึ้น ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นและรับความผันผวนทางธุรกิจได้
  • ประการที่สอง หัวเว่ยยังคงลงทุนในด้านนวัตกรรมและการวิจัยและพัฒนา และในปี พ.ศ 2564 การลงทุนด้านวิจัยและพัฒนาคิดเป็น 22.4% ของรายได้ทั้งหมดของหัวเว่ย ซึ่งนับว่าสูงที่สุดในรอบทศวรรษที่ผ่านมา ในปี พ.ศ 2564 หัวเว่ยได้อันดับที่สองของการจัดอันดับการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาด้านอุตสาหกรรมของสหภาพยุโรป และภายในสิ้นปี พ.ศ 2564 หัวเว่ยถือครองสิทธิบัตรอยู่มากกว่า 110,000 ฉบับ ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในผลงานที่มากที่สุดในระดับโลก
  • ในอนาคตข้างหน้านี้ หัวเว่ยได้มีการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและสร้างสังคมความเป็นกลางทางคาร์บอนโดยการปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจและลงทุนอย่างต่อเนื่องในด้านการวิจัยและพัฒนา สนับสนุนการแบ่งปันข้อมูลจากทั่วทุกมุมโลก เพิ่มความเปิดกว้างทางความคิด ต่อยอดนวัตกรรม และสร้างสรรค์ความคิดใหม่ ๆ จากทั่วโลก เรามุ่งปรับปรุงทฤษฎีพื้นฐาน สถาปัตยกรรม และซอฟต์แวร์เพื่อรองรับการแข่งขันในระยะกลางและสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืนในระยะยาวพร้อมกัน
  • สื่อมวลชนทุกท่าน เมื่อเศรษฐกิจดิจิทัลเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลก เทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างคาร์บอนต่ำจะเป็นก้าวใหม่สำหรับการพัฒนาที่ยั่งยืน ที่ผ่านมานับว่าทรัพยากรบุคคล การเงิน และวิถีการดำเนินธุรกิจของหัวเว่ยมีเสถียรภาพและสามารถรองรับการพัฒนาในอนาคตได้ เราจะไม่ละความพยายามในการสำรวจพรมแดนอันไม่มีที่สิ้นสุดของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และทำให้ทุกคนเข้าถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและสร้างมูลค่าของสินค้าและบริการให้กับลูกค้าทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย
  • ต่อไป ผมจะเล่าสั้น ๆ เกี่ยวกับการพัฒนาธุรกิจของหัวเว่ย ประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2564 ที่ผ่านมาและกลยุทธ์การลงทุนในอนาคต



สรุปความสำเร็จและผลงานของหัวเว่ยในประเทศไทย ปี พ.ศ. 2564

  • ประเทศไทยถือเป็นตลาดสำคัญของหัวเว่ย และเป็นหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุดและเติบโตเร็วที่สุด ตลอด 23 ปี นับตั้งแต่การก่อตั้งหัวเว่ย ประเทศไทยในปี พ.ศ. 2542 เราได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลไทย ลูกค้าและพันธมิตร และมีโอกาสร่วมพัฒนา 2G, 3G, 4G และ 5G ในประเทศไทย และภายใต้พันธกิจ “เติบโตไปพร้อมกับประเทศไทย และร่วมสนับสนุนประเทศไทย” เรามุ่งมั่นเป็นพันธมิตรชั้นนำด้านไอซีทีที่ได้รับความไว้วางใจ เป็นผู้นำเชิงรุกด้านการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล และตอบแทนสิ่งดี ๆ สู่สังคมอย่างต่อเนื่อง
  • ในปี พ.ศ. 2564 หัวเว่ยได้รับรางวัล “Digital International Corporation of the Year" จากนายกรัฐมนตรีของไทยเป็นครั้งแรก และยังเป็นบริษัทข้ามชาติเพียงแห่งเดียวที่ได้รับรางวัลนี้ในช่วงที่ผ่านมา ในปีเดียวกันนี้ หัวเว่ยได้รับรางวัลแบรนด์ที่น่าเชื่อถือสูงสุด “Most Admirable Brand” จากผู้บริโภคและได้รับรางวัล “Thailand TOP Company Award” จากองคมนตรี ด้านโครงสร้างพื้นฐานยอดเยี่ยมเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล และจากการทำงานร่วมกับทีมงานที่ทุ่มเท และผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับเลือกให้เป็นสุดยอด CEO ในด้าน ICT Solutions Excellence
  • ผมรู้สึกซาบซึ้งและเป็นเกียรติอย่างยิ่ง เพราะรางวัลเหล่านี้แสดงถึงความสำเร็จทางธุรกิจของเรา ซึ่งแสดงถึงการได้รับการยอมรับจากลูกค้าในประเทศไทย รวมถึงด้านการตอบแทนสังคมและการสร้างคุณค่าในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยของเรา
  • เมื่อกล่าวถึงด้านธุรกิจผู้ให้บริการ (carrier business) เราได้รับการสนับสนุนและความไว้วางใจจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง และภูมิใจอย่างยิ่งที่มีส่วนสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นผู้นำการใช้ 5G ในภูมิภาคอาเซียน หัวเว่ยเป็นผู้จำหน่ายชิ้นส่วนอันดับ 1 ในตลาดผู้ให้บริการ 5G ของประเทศไทย และในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีการเปิดใช้สถานีฐาน 5G มากกว่า 20,000 แห่ง จำนวนประชากรที่เข้าถึง 5G ครอบคลุมสูงถึง 70% และมีผู้ใช้ 5G ถึง 4.3 ล้านคน ซึ่งมากกว่าจำนวนผู้ใช้ในประเทศอาเซียนอื่น ๆ ถึง 2.5 เท่า อัตราการเข้าถึงเทอร์มินัล 5G และการรับส่งข้อมูล 5G เพิ่มเป็น 10% นอกเหนือจากงานโครงสร้างพื้นฐาน เราทำงานร่วมกับรัฐบาลและลูกค้าเพื่อขับเคลื่อนเทคโนโลยี 5G ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั้งด้านการแพทย์ 5G, ท่าเรือ 5G, และการเกษตร 5G ให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด นับเป็นการวางรากฐานสำหรับการขยายตัวในอนาคต และในพื้นที่ที่ไม่ใช่ 5G จำนวนผู้ใช้บรอดแบนด์ของประเทศไทยเพิ่มขึ้นเป็น 1.67 ล้านคนในปี พ.ศ. 2564 อัตราการเข้าถึงเพิ่มขึ้นจาก 8% เป็น 60.4% ถือว่าเป็นเครือข่ายที่มั่นคงสำหรับการทำงานและการใช้ชีวิตของผู้คนในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19
  • ในฐานะผู้นำเชิงรุกของการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล ธุรกิจองค์กรของหัวเว่ยมีส่วนร่วมด้านการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลของภาคอุตสาหกรรม และในภาวะวิถีชีวิตใหม่หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 เราได้รวมเทคโนโลยีไอซีทีเข้ากับอุตสาหกรรมหลัก เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย ผลิตภัณฑ์และโซลูชันสำหรับองค์กรของหัวเว่ยในประเทศไทยได้เข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมมากกว่า 10 แห่งในปีที่ผ่านมา รวมถึงเมืองอัจฉริยะ, การเงิน, พลังงาน, การขนส่ง, การบริการอินเทอร์เน็ต (ISP), การศึกษา, การรักษาพยาบาล และอสังหาริมทรัพย์ ความไว้วางใจและการสนับสนุนจากพันธมิตรคือรากฐานสำคัญของธุรกิจองค์กรของหัวเว่ย ในปี พ.ศ. 2564 หัวเว่ยมีพันธมิตรด้านการขายกว่า 800 ราย ด้านโซลูชันกว่า 40 ราย และพันธมิตรด้านการดำเนินงานกว่า 40 ราย รวมถึงพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัลมากกว่า 30 รายในประเทศไทย
  • เมื่อการประมวลผลบนคลาวด์กลายเป็นรากฐานที่สำคัญของเศรษฐกิจดิจิทัล หัวเว่ย คลาวด์ ได้เพิ่มการลงทุนในประเทศไทยต่อเนื่องมานานกว่า 3 ปี และ ได้เสริมศักยภาพให้กับคู่ค้าในท้องถิ่นมากกว่า 300 ราย ในกว่า 15 อุตสาหกรรม รวมถึงภาครัฐ, การศึกษา, และการเงิน เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2565 เราได้เปิดตัวศูนย์ข้อมูล Availability Zone แห่งที่ 3 ในกรุงเทพมหานคร และผมภูมิใจอย่างยิ่งที่จะประกาศว่า หัวเว่ย คลาวด์ เป็นผู้ให้บริการระบบคลาวด์ระดับสากลรายแรกที่มีศูนย์ข้อมูลถึง 3 แห่งในไทย ด้วยการบริการที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ จากรายงานของการ์ทเนอร์ระบุว่า หัวเว่ย คลาวด์ มีส่วนแบ่งการตลาดใหญ่เป็นอันดับสามในไทย และยังคงเติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดคลาวด์ รายงานการสำรวจจากตัวแทนอิสระในปี พ.ศ. 2564 เผยว่าการรับรู้ของสาธารณชนในประเทศไทยเกี่ยวกับ หัวเว่ย คลาวด์ เพิ่มขึ้นถึง 70% เราร่วมสนับสนุนประเทศไทยในการสร้างอีโคซิสเต็มสตาร์ทอัพที่กำลังเติบโตและพัฒนาธุรกิจยูนิคอร์น ด้วยการเปิดตัวการแข่งขัน “Spark-Ignite” เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเข้าถึงสตาร์ทอัพกว่า 1,700 รายและมีผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมถึง 132 ราย
  • ท่านสื่อมวลชนคงทราบว่าการพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นประเด็นที่ร้อนแรงที่สุดประเด็นหนึ่ง และเรายินดีอย่างยิ่งที่เห็นประเทศไทยก้าวสู่ความเป็นผู้นำในการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางของคาร์บอน เพื่อสนับสนุนวิสัยทัศน์นี้ เราได้จัดตั้งหน่วยธุรกิจดิจิทัล พาวเวอร์ ให้บริการในไทยเมื่อปีที่ผ่านมา ช่วยพัฒนาพลังงานสะอาดและสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลของภาคพลังงานเพื่อสร้างสังคมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่ออนาคตที่ดีกว่า ข้อมูลจากรายงานของ IHS Markit และ Wood Mackenzie เปิดเผยว่าเซลล์แสงอาทิตย์อัจฉริยะของหัวเว่ยครองอันดับ 1 ในตลาดโลกต่อเนื่องกันเป็นเวลา 6 ปี นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 และโซลูชันนี้ยังครองส่วนแบ่งการตลาดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยอีกด้วย
  • นอกเหนือจากการสร้างความสำเร็จทางธุรกิจ เรายังมุ่งมั่นที่จะมอบสิ่งดี ๆ คืนสู่สังคมและมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนที่เราทำธุรกิจ ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 เราส่งมอบเทคโนโลยี 5G สำหรับการแพทย์ระยะไกล (telemedicine), อุปกรณ์ของใช้ที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน, และโซลูชันระบบคลาวด์ให้กับโรงพยาบาลและชุมชนต่าง ๆ ในประเทศไทย และลงนามบันทึกความเข้าใจกับกระทรวงแรงงานเพื่อส่งเสริมการจ้างงานกลุ่มผู้พิการ และเสริมศักยภาพของผู้เชี่ยวชาญด้านไอซีทีกว่า 41,000 คนในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา


กลยุทธ์ทางธุรกิจในปี พ.ศ. 2565 และมุมมองสู่อนาคตของหัวเว่ย
  • ในอนาคต เราวางแผนปรับใช้กลยุทธ์ทางธุรกิจที่ประธานกรรมการบริหารแบบหมุนเวียนตามวาระของเรากล่าวถึงไปแล้ว ด้วยการลงทุนในประเทศไทย 4 ด้านหลักด้วยกัน ประการที่ 1 เติมเต็มการใช้งาน 5G ด้วยการเชื่อมต่อที่แพร่หลาย ประการที่ 2 สร้างแพลตฟอร์มดิจิทัลบนคลาวด์ ประการที่ 3 กระตุ้นการเปลี่ยนผ่านสู่วิถีชีวิตคาร์บอนต่ำด้วยดิจิทัล พาวเวอร์ และประการที่ 4 เสริมศักยภาพผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัลและพัฒนาอีโคซิสเต็มด้านนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ผมขออธิบายกลยุทธ์แต่ละด้านอย่างละเอียดดังนี้
  • อย่างที่ทุกท่านทราบแล้วว่า 5G กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในภาคอุตสาหกรรมเทคโนโลยีไอซีทีและการคาดการณ์ร่วมกันของสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (ONDE), Time Consulting และหัวเว่ยว่า ภายในปี พ.ศ. 2578 มูลค่าเศรษฐกิจที่รองรับเทคโนโลยี 5G จะสูงถึง 2.3 ล้านล้านบาท คาดการณ์โดยประมาณคิดเป็น 10% ของมูลค่าจีดีพีทั้งหมด เราจึงวางแผนขยายการใช้งาน 5G ของประเทศไทยอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ และในปี พ.ศ. 2565 เราหวังว่า 5G จะครอบคลุม 70% ของจำนวนประชากร และอัตราการเข้าถึง 5G จะเพิ่มเป็น 20% จาก 10% ในปัจจุบัน ตามอัตราความพร้อมที่สูงถึง 16% ของทฤษฎีการแพร่กระจายนวัตกรรม ในการร่วมมือกับลูกค้า เราจะสนับสนุนให้ประเทศไทยก้าวสู่ความผู้นำในภูมิภาคอาเซียนด้านการปรับใช้ 5G ในอุตสาหกรรมแนวดิ่งอย่างต่อเนื่อง ในปี พ.ศ. 2565 เราจะเปิดตัวโรงพยาบาล 5G, รถพยาบาล 5G, และโซลูชัน AI ในโรงพยาบาล 20 แห่ง นอกจากนี้ เราจะสร้างมาตรฐานใหม่ 3 ด้านในเมือง 5G (5G City) เพื่อรองรับการประชุมสุดยอดผู้นำ APEC ที่จะจัดขึ้นในประเทศไทย สอดรับกับนโยบายดิจิทัลของโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เราวางแผนติดตั้ง 5G ในโรงงาน 100 แห่งใน EEC รวมถึงโรงงานประกอบรถยนต์ 5G
  • ประการที่สอง ตามรายงานของ Deloitte อัตราส่วนการใช้งานคลาวด์เป็นดัชนีชี้วัดสำคัญของการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล จากปี พ.ศ. 2564 ถึงปี พ.ศ. 2565 การเติบโตด้านการใช้เทคโนโลยีคลาวด์ของบริษัทในไทยเพิ่มจาก 59% เป็น 78% และเราภูมิใจที่ หัวเว่ย คลาวด์ เป็นผู้ให้บริการคลาวด์เพียงรายเดียวในประเทศไทยที่มีศูนย์เก็บข้อมูลในพื้นที่ถึง 3 แห่ง และการเปิดตัวศูนย์เก็บข้อมูลแห่งที่สาม Available Zone (AZ) ในเดือนนี้ ก็พร้อมพิสูจน์ความมุ่งมั่นของเราในการให้บริการที่น่าเชื่อถือแก่ลูกค้าต่อไป ในปี พ.ศ. 2565 หัวเว่ย คลาวด์ วางแผนเปิดตัวบริการด้านซอฟต์แวร์คลาวด์ (SaaS) ใหม่กว่า 80 รายการ เพื่อสนับสนุนธนาคาร, SMEs, และผู้ให้บริการเนื้อหา Over-the-top (OTT) ในการนำระบบคลาวด์มาใช้เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล เมื่อเร็ว ๆ นี้เราได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจกับกระทรวงดิจิทัล เพื่อต่อยอดความร่วมมือด้านคลาวด์และสนับสนุนความก้าวหน้าของเศรษฐกิจและสังคมไทย เรายังคงสนับสนุนบริการคลาวด์สำหรับภาครัฐ (Government Cloud Service) และยกระดับความปลอดภัยของข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ในปีพ.ศ. 2565 หัวเว่ยวางแผนจัดการประชุมสุดยอด “Huawei Cloud and Connect” และผมขอชวนสื่อมวลชนทุกท่านเข้าร่วมงานนี้ พร้อมกับผู้นำในอุตสาหกรรมกว่า 4,000 รายเพื่อรับฟังข้อมูลเชิงลึกที่จะช่วยสร้างสรรค์และจุดประกายทางความคิดร่วมกัน
  • ประการที่สาม เรามุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล พาวเวอร์ อย่างต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลในด้านพลังงาน ในทศวรรษหน้า ความเปลี่ยนแปลงความต้องการด้านพลังงานของประเทศไทยจะทำให้จีดีพีเติบโตขึ้นประมาณ 1% และปี พ.ศ. 2565 ก็นับเป็นปีสำคัญ เพราะเป็นปีเริ่มต้นของการประกาศแผนงานความเป็นกลางทางคาร์บอน ปี พ.ศ. 2593 ของประเทศไทย หัวเว่ยให้คำมั่นที่จะสนับสนุนประเทศไทยให้เป็นผู้นำนโยบายคาร์บอนต่ำในภูมิภาคอาเซียน และเรามั่นใจว่าจะบรรลุเป้าหมายนี้ด้วยผลิตภัณฑ์และโซลูชันดิจิทัล พาวเวอร์ของเรา ด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปีในอุตสาหกรรมพลังงาน พนักงานด้านวิจัยและพัฒนาเฉพาะด้านกว่า 6,000 คน รวมถึงการจัดสรรเงินทุน 20% จากรายได้ทั้งหมดในปีที่ผ่านมา สำหรับด้านการวิจัยและพัฒนา และในปี พ.ศ. 2564 เราได้จัดตั้งสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกสำหรับธุรกิจดิจิทัล พาวเวอร์ขึ้นที่กรุงเทพมหานคร ในปีพ.ศ. 2565 ธุรกิจ ดิจิทัล พาวเวอร์ ของหัวเว่ย จะเปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ในประเทศไทย เช่น ผลิตภัณฑ์อินเวอร์เตอร์ไฟฟ้าพร้อมโซลาร์เซลล์อัจฉริยะรุ่นใหม่ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น และในช่วงครึ่งปีหลัง เราวางแผนเปิดตัวแท่นชาร์จไฟฟ้ากระแสสลับและแท่นชาร์จไฟฟ้ากระแสตรงประสิทธิภาพสูงสำหรับสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า
  • ประการสุดท้าย สิ่งที่เป็นรากฐานของการสร้างสรรค์นวัตกรรมคือการพัฒนาอีโคซิสเต็มด้านนวัตกรรมและการพัฒนาศักยภาพผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัลรุ่นใหม่ ซึ่งในปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีธุรกิจยูนิคอร์นใหม่ 2 แห่ง ซึ่งต่างมีมูลค่าบริษัทรวม 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หัวเว่ยในฐานะผู้นำเชิงรุกในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลที่มุ่งตอบแทนสังคม เรามุ่งมั่นลงทุนอย่างต่อเนื่องในศูนย์เรียนรู้อีโคซิสเต็มเชิงนวัตกรรม 5G (5G Ecosystem Innovation Center) เพิ่มจำนวนพันธมิตรจาก 70 รายเป็น 120 รายในปีนี้ การพัฒนาเครือข่ายพันธมิตรของหัวเว่ย คลาวด์จะเติบโตอย่างรวดเร็วและคาดว่าจำนวนพันธมิตรจะเพิ่มขึ้นจาก 300 เป็น 500 ราย หัวเว่ยมุ่งสานต่อโครงการ Huawei Cloud Spark อย่างต่อเนื่องสำหรับนักพัฒนาโปรแกรมและสตาร์ทอัพในประเทศไทย ช่วยเสริมศักยภาพนักพัฒนาโปรแกรมมากกว่า 2,000 รายและสตาร์ทอัพจำนวน 300 รายต่อเนื่องทุกปี สำหรับการสร้างผู้เชี่ยวชาญทางดิจิทัลรุ่นใหม่ เรามุ่งขยาย Huawei ASEAN Academy, Seeds for the Future Program ซึ่งเป็นโครงการฝึกอบรมร่วมกับมหาวิทยาลัย 23 แห่ง เพื่อปลูกฝังการเรียนรู้ให้กับบุคลากรผู้มีความสามารถด้านดิจิทัลถึง 20,000 คนในปี พ.ศ. 2565

ปิดท้าย
  • ผมขอขอบคุณสื่อมวลชนทุกท่านอีกครั้งสำหรับการเข้าร่วมการเผยแพร่รายงานประจำปีของหัวเว่ย และขอบคุณที่ให้การสนับสนุนเราอย่างต่อเนื่องตลอดมา เมื่อเราต้องเผชิญกับความผันผวนและความท้าทาย ความไว้วางใจจากลูกค้าและสื่อมวลชนทุกท่านจะสร้างแรงบันดาลใจให้เราก้าวไปข้างหน้าและมุ่งมั่นลงทุนต่อเนื่องในอนาคต
  • เส้นทางข้างหน้ายังคงยาวไกลและเต็มไปด้วยความท้าทาย แต่ตราบใดที่เราก้าวไปข้างหน้า เราจะร่วมสร้างอนาคตที่สดใส ผมให้คำมั่นสัญญาว่าเราพร้อมให้บริการลูกค้าและสังคมไทยอย่างต่อเนื่องในการเดินทางสู่ยุคดิจิทัล
  • หัวเว่ยเชื่อมั่นในพลังของเทคโนโลยี พลังของความพากเพียร และพลังของการทำงานร่วมกัน ผมมั่นใจอย่างยิ่งว่าหากเราทำงานร่วมกับลูกค้าและพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง เราจะบรรลุเป้าหมายการนำดิจิทัลมาสู่ทุกคน ทุกบ้าน และทุกองค์กรเพื่อประเทศไทยที่เชื่อมต่อกันอย่างอัจฉริยะและคาร์บอนต่ำเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
ใหม่กว่า เก่ากว่า