ทุกวันนี้ ชีวิตเราเชื่อมโยงถึงกันมากกว่าที่เคย ด้วยอุปกรณ์อัจฉริยะและการเข้าถึงระบบคลาวด์แบบไร้สายที่แพร่หลายในทุกที่ ไม่ว่าจะเป็น การโทรศัพท์ การใช้งานอินเทอร์เน็ตบนสมาร์ทโฟนและแล็ปท็อป รถยนต์อัจฉริยะ และอุปกรณ์ IoT มากมาย การเชื่อมต่อไร้สายได้กลายเป็นพื้นฐานสำคัญของนวัตกรรมยุคใหม่ ในอนาคต เทคโนโลยีไร้สายจะมีบทบาทสำคัญสำหรับสังคมที่ทุกสิ่งเชื่อมโยงกันมากขึ้น และเราเชื่อมั่นในการประมวลผลอัจฉริยะบนอุปกรณ์ (On-Device Intelligence) ที่ Edge เพราะให้ผู้ใช้สามารถสัมผัสประสบการณ์ได้โดยตรง
Dr. John E. Smee หัวหน้าฝ่ายวิจัยเทคโนโลยีไร้สายระดับโลกของ Qualcomm Technologies กล่าวว่า “ในฐานะหัวหน้าฝ่ายวิจัยเทคโนโลยีไร้สายระดับโลกของ Qualcomm Technologies ผมรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับประสบการณ์การเชื่อมต่อไร้สายให้ดียิ่งขึ้น ปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบ และเชื่อมต่ออุปกรณ์และบริการไร้สายรูปแบบใหม่ นี่เป็นเหตุผลที่เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้กลับมาร่วมงาน Mobile World Congress 2025 ที่บาร์เซโลนาอีกครั้ง ซึ่งเราจะจัดแสดงนวัตกรรมไร้สายล่าสุดของเราด้วย”
สามารถเยี่ยมชมโชว์รูมออนไลน์ ของ Qualcomm ได้ที่นี่
นอกจากนี้ Qualcomm ยังมีการวิจัยที่จะช่วยขับเคลื่อนยุคใหม่ของการเชื่อมต่อไร้สาย
Qualcomm Technologies กำลังสำรวจขอบเขตใหม่ของเทคโนโลยีและก้าวข้ามขีดจำกัด เพื่อทำให้วิสัยทัศน์ที่มีต่อการประมวลผลอัจฉริยะทุกที่เป็นจริง ตั้งแต่ 5G Advanced และ 6G ไปจนถึง Wi-Fi Bluetooth UWB และเทคโนโลยีอื่นๆ Qualcomm กำลังผลักดันนวัตกรรมพื้นฐานเพื่อตอบสนองความต้องการด้านการเชื่อมต่อแห่งอนาคต
วิวัฒนาการพื้นฐานของเทคโนโลยีไร้สาย
ในขณะที่ยังเดินหน้าเพื่อปลดล็อกศักยภาพที่แท้จริงของเทคโนโลยีไร้สาย Qualcomm ยังคงมุ่งเน้นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับโครงสร้างพื้นฐานของระบบไร้สาย ซึ่ง Qualcomm เรียกแนวทางการวิจัยนี้ว่าเส้นทาง "วิวัฒนาการ" ซึ่งหมายถึงการต่อยอดจากโครงสร้างระบบที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว เพื่อยกระดับ ประสิทธิภาพและประสิทธิผลให้ดียิ่งขึ้น ในปีนี้ Qualcomm ให้ความสำคัญกับสององค์ประกอบหลักของเครือข่ายไร้สาย นั่นคือ ความครอบคลุมของสัญญาณ (Coverage) และประสิทธิภาพโครงข่าย (Capacity)
ก้าวสู่การเชื่อมต่อที่ไร้ขีดจำกัด
การยกระดับความครอบคลุมของเครือข่าย เป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญของการวิจัยเทคโนโลยีไร้สายที่ Qualcomm กำลังดำเนินการ ทุกวันนี้ เครือข่ายที่ใช้ย่านความถี่ต่ำ (ต่ำกว่า 1GHz และระหว่าง 1-2GHz) นั้นให้ความครอบคลุมที่กว้างที่สุด เนื่องจากสัญญาณสามารถกระจายได้ดีทั้งในอากาศและผ่านสิ่งกีดขวาง อย่างไรก็ตาม ย่านความถี่ FDD และ TDD ที่ต่ำกว่านั้นมีข้อจำกัดด้านแบนด์วิดท์โดยธรรมชาติ นอกจากนี้การมาถึงของ 6G ในอนาคต เป็นโอกาสสำคัญในการออกแบบ Air Interface ใหม่ เพื่อพัฒนาเทคนิคที่ช่วยเพิ่ม ประสิทธิภาพการใช้คลื่นความถี่ (Spectral Efficiency) และปรับปรุงการครอบคลุมของเครือข่ายให้ดีขึ้นในทุกย่านความถี่
นอกเหนือจากการพัฒนาเครือข่ายไร้สายภาคพื้นดิน Qualcomm ยังเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยี 5G ดาวเทียม (5G satellite) หรือที่เรียกว่า เครือข่ายนอกภาคพื้นดิน (NTN - Non-Terrestrial Network) เพื่อเชื่อมช่องว่างของการครอบคลุมสัญญาณในพื้นที่ห่างไกลและเหนือมหาสมุทร การรวมเครือข่ายภาคพื้นดินและดาวเทียมเข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ จะช่วยให้การเชื่อมต่อเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ลองนึกภาพ รถยนต์หรืออุปกรณ์ IoT ที่เคลื่อนที่จากตัวเมืองเข้าสู่เขตชานเมืองและชนบท ด้วยเครือข่ายดาวเทียม อุปกรณ์เหล่านี้จะยังคงเชื่อมต่อได้ตลอดเส้นทาง เพื่อรับส่งข้อมูลสำคัญและเข้าถึงบริการที่จำเป็นโดยไม่มีสะดุด
รับชมวิดีโอสาธิตการออกแบบย่านความถี่ต่ำ (Lower-Band Spectrum Design) ▶
รับชมวิดีโอสาธิตวิวัฒนาการ 5G NTN ▶
ขยายขีดความสามารถของเครือข่ายเพื่อตอบสนองความต้องการด้านข้อมูลในอนาคต
เมื่อเครือข่ายไร้สายต้องรองรับจำนวนผู้ใช้ อุปกรณ์ และบริการที่เพิ่มขึ้น ความต้องการด้านประสิทธิภาพโครงข่ายก็ยิ่งมากขึ้น นอกเหนือจากการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้คลื่นความถี่ (Spectral Efficiency) ในย่านความถี่เดิมแล้ว Qualcomm ยังพัฒนาการออกแบบระบบ MIMO เพื่อรองรับย่านความถี่ใหม่ในช่วง Upper Midband (7-15 GHz) อีกด้วย
ย่านความถี่ใหม่นี้เรียกว่า "FR3" สามารถให้แบนด์วิดท์ ~400 MHz สำหรับพื้นที่ครอบคลุมขนาดใหญ่ จากการจำลองขั้นสูงและการทดสอบแบบ Over-the-Air ของระบบ FR3 Giga-MIMO พบว่าช่วยเพิ่มอัตราการรับส่งข้อมูลได้อย่างมีนัยสำคัญ และให้การครอบคลุมที่เทียบได้กับย่านความถี่ต่ำกว่า 7 GHz Qualcomm กำลังทำงานร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลคลื่นความถี่และผู้นำในอุตสาหกรรม เพื่อเตรียมความพร้อมของย่านความถี่นี้สำหรับ 6G
ภายในศูนย์ข้อมูล (Data Centers) ความต้องการ การเชื่อมต่อแบบ Hyper-Local กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว เพื่อตอบสนองความต้องการด้าน Cloud Computing ที่เพิ่มขึ้น การนำการเชื่อมต่อไร้สายมาใช้ร่วมกับเครือข่ายไฟเบอร์ออปติกที่มีอยู่เดิมจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้อย่างมาก ตัวอย่างเช่น คลื่นความถี่ mmWave (24 GHz ขึ้นไป) และ sub-THz (100 GHz ขึ้นไป) สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมทั้งให้ความยืดหยุ่นและทิศทางสัญญาณที่แม่นยำ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
รับชมวิดีโอสาธิต Giga-MIMO▶
รับชมวิดีโอสาธิตการศูนย์ข้อมูลไร้สาย ▶
เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครือข่ายไร้สาย
สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันในการผลักดันขอบเขตของเทคโนโลยีเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดของเครือข่ายไร้สาย คือการ้ก้าวไปอีกขั้นของระบบแบบครบวงจร (End-to-End System Efficiency) ความท้าทายในการเพิ่มประสิทธิภาพเหล่านี้มักมีความซับซ้อนสูง และต้องใช้โซลูชันที่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าและตอบสนองแบบเรียลไทม์ ซึ่งยิ่งทวีความซับซ้อนมากขึ้นตามความก้าวหน้าของระบบไร้สาย เพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ Qualcomm ได้นำ เทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น Digital Twins และปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนนวัตกรรมและเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่ายไร้สายให้ก้าวไปอีกขั้น
การใช้ประโยชน์จากความอัจฉริยะของเครือข่ายไร้สายแบบปรับตัวได้
ปฏิเสธไม่ได้ว่า AI กำลังเปลี่ยนแปลงโลกของเรา และเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้กับนวัตกรรมและการใช้งานในหลายด้าน สำหรับเทคโนโลยีไร้สาย AI มีศักยภาพในการปฏิวัติการออกแบบและการดำเนินงานของระบบเครือข่าย
วิสัยทัศน์ของ Qualcomm เกี่ยวกับ 6G คือระบบที่ ขับเคลื่อนด้วย AI ตั้งแต่แกนหลัก ซึ่ง AI จะถูกผสานเข้าไปในทุกระดับของเครือข่ายและภายในอุปกรณ์ต่างๆ เครือข่ายในอนาคตจะสามารถ เรียนรู้และปรับตัวได้เอง โดยใช้ AI-native protocols ที่ช่วยให้เครือข่ายปรับพารามิเตอร์แบบไดนามิกตามสภาพแวดล้อมแบบเรียลไทม์ เช่น ปริมาณการใช้งาน ความเร็วในการเคลื่อนที่ของผู้ใช้ และระดับสัญญาณรบกวน สิ่งนี้จะช่วยให้เครือข่ายสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการเชื่อมต่อแบบเฉพาะบุคคล รองรับการใช้งานที่แตกต่างกันของแต่ละ ผู้ใช้ แอปพลิเคชัน และอุปกรณ์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
เพื่อบรรลุวิสัยทัศน์ดังกล่าว หนึ่งในเป้าหมายหลักของการวิจัย คือการทำให้ AI ในเครือข่ายและ AI บนอุปกรณ์สามารถทำงานร่วมกันเพื่อมอบประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมให้กับระบบ งานดังกล่าวได้เริ่มต้นขึ้นแล้วกับการออกแบบระบบ AI สองฝ่าย (Two-Sided AI) ของ Channel State Feedback (CSF) ในเทคโนโลยี 5G Advanced นอกจากนี้ Qualcomm กำลังร่วมมือกับผู้นำในอุตสาหกรรมอย่าง Nokia Bell Labs และ Rohde & Schwarz เพื่อสาธิตประโยชน์และความสามารถในการขยายขีดความสามารถของการออกแบบ Air Interface ที่ยกระดับด้วย AI
รับชมวิดีโอสาธิตการออกแบบระบบ AI-native ▶
รับชมวิดีโอสาธิตการจัดการวงจรชีวิตของโมเดล AI (AI model life cycle management) ▶
รับชมวิดีโอสาธิตการเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่ายไร้สายด้วย AI ▶
รับชมวิดีโอสาธิตการตรวจสอบประสิทธิภาพ AI สำหรับเครือข่ายไร้สาย ▶
รับรู้ประสิทธิภาพระบบแบบเรียลไทม์
Digital Twin ของเครือข่ายไร้สายสามารถช่วยให้การตัดสินใจมีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีบทบาทสำคัญในการเพิ่ม ประสิทธิภาพการทำงานของระบบแบบครบวงจร (End-to-End System Performance) และการดำเนินงาน (Operational Efficiency)
หนึ่งในกรณีการใช้งานที่เป็นไปได้คือ การปรับปรุงการจัดสรรและประสิทธิภาพของ Network Slicing สำหรับแอปพลิเคชันที่ต้องการความหน่วงต่ำ โดยใช้ Digital Twin ของเครือข่ายที่มีความแม่นยำสูง โซลูชัน SMO (Service Management and Orchestration) บน O-RAN ของ Qualcomm ผสานรวม บริการ Digital Twin, AI และระบบอัตโนมัติของ RAN เพื่อช่วยวิเคราะห์ สร้าง และบริหารจัดการ Network Slices ได้อย่างแม่นยำและขยายขนาดได้ ด้วยการคาดการณ์ตัวชี้วัดประสิทธิภาพ (KPI) ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล
นอกจากนี้ Digital Twin ยังสามารถนำมาใช้กับการดำเนินงานของระบบสื่อสารไร้สาย โดยเฉพาะในการเพิ่มประสิทธิภาพ Analog Beamforming ใน Massive MIMO โดย Qualcomm กำลังศึกษาว่าระบบนี้สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการส่งสัญญาณได้อย่างไร และจากการสาธิต พบว่ามีสองโหมดหลักในการทำงาน ได้แก่ Beamforming ตามการกระจายตัวของผู้ใช้ โดยใช้ Codebook แบบกึ่งคงที่ (Semi-Static Codebook) และ Beamforming แบบไดนามิกที่ปรับเฉพาะสำหรับผู้ใช้แต่ละราย ซึ่งช่วยให้เครือข่ายตอบสนองได้เร็วขึ้นและปรับแต่งได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น การสาธิตของ Qualcomm นี้สะท้อนให้เห็นถึงอนาคตของ RAN Automation ซึ่งรวมถึง Qualcomm Dragonwing RAN Automation Suite ที่จะช่วยขับเคลื่อนระบบเครือข่ายไปสู่ความอัจฉริยะและประสิทธิภาพสูงสุด
รับชมวิดีโอสาธิต Network Slicing ด้วย Digital Twins และ GenAI ▶
รับชมวิดีโอสาธิต Analog Beamforming ด้วย Digital Twin (Digital Twin-Assisted Analog Beamforming) ▶
บริการไร้สายที่กำลังเกิดขึ้น
Qualcomm มุ่งมั่นที่จะขยายการเชื่อมต่อไร้สายไปยังอุปกรณ์และบริการรูปแบบใหม่ เพื่อสร้างโอกาสให้กับระบบนิเวศเทคโนโลยีที่กว้างขึ้น การบรรจบกันของการเชื่อมต่อไร้สาย การประมวลผลพลังงานต่ำ และ AI บนอุปกรณ์ นำมาซึ่งความท้าทายทางเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ และ Qualcomm กำลังมองภาพรวมของระบบแบบ End-to-End เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ยกระดับการสื่อสารแบบสมจริงในระดับมหัพภาค
Qualcomm กำลังวางรากฐานสำหรับประสบการณ์มือถือรุ่นต่อไปโดยมี Extended Reality (XR) เป็นหัวใจสำคัญ การส่งมอบการสื่อสารที่สมจริงและมีความละเอียดสูง ต้องอาศัย สถาปัตยกรรมการประมวลผลเชิงพื้นที่แบบกระจายตัว (Distributed Spatial Computing) เพื่อทำให้การสื่อสารที่สมจริงในอนาคตเป็นจริง Qualcomm กำลังทำงานร่วมกับผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน ผู้ผลิตอุปกรณ์ และผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ โดยใช้ประโยชน์ของการประมวลผลทั้งบนอุปกรณ์และคลาวด์ที่ Edge เชื่อมต่อผ่านเครือข่ายไร้สายที่มีความหน่วงต่ำ
รับชมวิดีโอสาธิตประสบการณ์สมจริงด้วยการประมวลผลแบบ Distributed Spatial Computing ▶
ผสานการตรวจจับผ่านเครือข่ายไร้สายเข้ากับการสื่อสาร
การใช้โครงสร้างพื้นฐานไร้สายที่มีอยู่ให้ทำงานได้มากกว่าการสื่อสาร กำลังเปิดประตูสู่ความเป็นไปได้ใหม่ๆ หนึ่งในแนวทางที่ล้ำสมัยคือ การตรวจจับผ่านคลื่นวิทยุ (RF Sensing) ซึ่งช่วยให้สามารถตรวจจับวัตถุและการเคลื่อนไหวได้ หนึ่งในกรณีการใช้งานสำคัญคือ การยกระดับประสิทธิภาพของเครือข่ายไร้สาย โดยอาศัยข้อมูลจากสภาพแวดล้อม เช่น การตรวจจับตำแหน่งของสิ่งกีดขวาง ซึ่งช่วยให้เครือข่ายสามารถจัดการการเชื่อมต่อได้ดีขึ้น รวมถึง ลดภาระการส่งข้อมูลที่ไม่จำเป็น (Overhead Exchange) ทำให้ อุปกรณ์ประหยัดพลังงานมากขึ้น สำหรับการสาธิตของ Qualcomm ใช้ Real-Time Raytracing เพื่อสร้าง Digital Twin ที่มีความละเอียดสูง ของสภาพแวดล้อมแบบเรียลไทม์
นอกเหนือจากการสื่อสาร การตรวจจับผ่านเครือข่ายไร้สายยังสามารถนำไปใช้ในด้านอื่นๆ ได้อีกมากมาย เช่น การตรวจจับโดรนทางอากาศ งานวิจัยของ Qualcomm มุ่งเน้นไปที่ การตรวจจับและติดตามโดรนแบบเรียลไทม์ เพื่อรองรับการใช้งานที่ต้องการความแม่นยำสูงในอนาคต
รับชมวิดีโอสาธิตการสื่อสารที่พัฒนาโดยเทคโนโลยีการตรวจจับ (Sensing-Enhanced Communication) ▶
รับชมวิดีโอสาธิตการตรวจจับโดรนทางอากาศด้วยเซ็นเซอร์ไร้สาย ▶
สิ่งที่ Qualcomm จะทำลำดับถัดไป
Qualcomm Technologies รู้สึกตื่นเต้นที่จะเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีไร้สายอย่างต่อเนื่อง ปี 2025 ถือเป็นปีที่สำคัญ เพราะจะเป็นจุดเริ่มต้นอย่างเป็นทางการของ กระบวนการมาตรฐาน 6G (6G standardization) อีกทั้ง Qualcomm จะเข้าร่วมการประชุม 3GPP 6G RAN Plenary Workshop ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งจัดขึ้นในสัปดาห์ถัดไปหลังจาก MWC Barcelona Qualcomm คาดว่าปีนี้จะเต็มไปด้วยความท้าทายและโอกาสที่น่าตื่นเต้น ซึ่งอาจพลิกโฉมโลกของเราได้อย่างแท้จริง Qualcomm ตั้งตารอที่จะได้พบกับคุณที่งาน Mobile World Congress Barcelona และขอเชิญชวนให้ติดตามอัปเดตนวัตกรรมไร้สายที่น่าสนใจเพิ่มเติมเร็วๆ นี้!
Snapdragon และผลิตภัณฑ์แบรนด์ Qualcomm เป็นผลิตภัณฑ์ของ Qualcomm Technologies, Inc. และ/หรือบริษัทในเครือ