โดย ซังโฮ โจ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของซัมซุงอิเลคโทรนิคส์ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และ โอเชียเนีย
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ซัมซุงได้มีส่วนสำคัญในการช่วยพัฒนาโลกใบนี้ให้ดียิ่งขึ้นผ่านการดำเนินภารกิจเพื่ออุทิศความสามารถและเทคโนโลยีในด้านการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ อันเปี่ยมไปด้วยนวัตกรรมที่แสนก้าวหน้าเพื่อมอบให้กับสังคม โดยในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับโลก ซัมซุงตระหนักถึงความรับผิดชอบในการยกระดับนวัตกรรม ทักษะต่างๆ ตลอดจนองค์ความรู้ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัลที่ขยายเป็นวงกว้างและเปิดโอกาสให้เยาวชนทั้งหลายได้เข้าถึงประโยชน์จากการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลมากขึ้น
โดยซัมซุงได้เห็นถึงการเติบโตที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนีย ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยต่างๆ ที่เป็นแรงหนุน อย่างเช่นการเจาะตลาดโทรศัพท์มือถือและการใช้งานโซเชียลมีเดียที่เพิ่มขึ้น ตลาดอีคอมเมิร์ซที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ไปจนถึงการผลักดันสังคมสู่การเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลของรัฐบาลตลอดจนเหล่าคนรุ่นใหม่ที่คุ้นเคยกับโลกดิจิทัลเป็นอย่างดีซึ่งถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
เพราะเยาวชนทั้งหลายคือผู้ที่จะมาขับเคลื่อนอนาคตของภูมิภาคทั้งในฐานะของการเป็นนวัตกรแสนสร้างสรรค์ไปจนถึงการเป็นผู้บริโภค ดังนั้นในการฉลองครบรอบ 54 ปี ขององค์กรที่กำลังจะจัดขึ้นทั่วโลกในวันที่ 1 พฤศจิกายนนั้น ซัมซุงได้มีความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมเยาวชนทุกคนให้สามารถตอบสนองถึงความต้องการของโลกที่ได้มีวัฒนาการอยู่ตลอดเวลา ตลอดจนช่วยยกระดับความเป็นอยู่ของชุมชนทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนียไปพร้อมๆ กัน
โปรแกรมระดับโลกสู่ผลกระทบในระดับท้องถิ่น
ด้วยจิตวิญญาณของความเจริญรุ่งเรืองที่มีร่วมกัน ซัมซุงมุ่งมั่นที่จะทำหน้าที่ในส่วนของตนในฐานะพลเมืองบริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมในชุมชนที่อาศัยอยู่ และในฐานะของผู้ชนะทางด้านนวัตกรรม ซัมซุงได้ผลักดันองค์กรของตนเองให้ดียิ่งขึ้นในด้านของการสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ผ่านเทคโนโลยี โดยในปีนี้เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่จะได้เห็นโครงการ Solve for Tomorrow (SFT) ซึ่งเป็นโครงการระดับเรือธงในด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์ ( Science, Technology, Engineering and Math – STEM) ของซัมซุงขยายไปสู่พื้นที่อื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนีย ซึ่งรวมถึงประเทศอินโดนีเซียและประเทศฟิลลิปปินส์ด้วย นอกจากนี้โครงการ SFT ยังได้กำลังก้าวเข้าสู่ตลาดในหมู่เกาะแปซิฟิกเช่นเดียวกัน โดยจะเริ่มเผยแพร่โครงการในรูปแบบท้องถิ่นเป็นครั้งแรกในเดือนสิงหาคมปีนี้ ณ ประเทศซามัวและตองกา
นักเรียนกว่า 500 คนในนครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม ที่ได้เข้าร่วมการเวิร์คช็อปโครงการ STF ในเดือนมิถุนายนปี 2023 |
โครงการ STF ปี 2566 จะยังคงดำเนินต่อไปในตลาดภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนีย โดยซังซุงได้มองเห็นถึงแรงผลักดันอันมหาศาลที่เกิดขึ้นในภูมิภาคแห่งนี้เป็นที่เรียบร้อยผ่านโครงการที่ครอบคลุมไปด้วยโซลูชันส์อันแสนสร้างสรรค์ที่ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อจัดการกับความท้าทายที่เกิดขึ้นในชีวิตในธีมที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึงธีมด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน การเรียนรู้และการศึกษา สุขภาวะและการดูแลสุขภาพ รวมทั้งธีมอื่นๆ อีกมากมาย โดยนอกเหนือจากองค์ประกอบการแข่งขันทางด้านเทคนิคแล้วเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการยังได้รับการฝึกอบรม Soft Skill ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับการทำงานในอนาคต รวมถึงทักษะ 4C สำหรับศตวรรษที่ 21 ซึ่งประกอบไปด้วยทักษะการสื่อสาร (Communication) ทักษะการทำงานร่วมกัน (Collaboration) ทักษะการคิดเชิงวิพากษ์ (Critical Thinking) และทักษะทางด้านความคิดสร้างสรรค์ (Creativity)
โดยนักเรียนกว่า 110,000 คนและโรงเรียนกว่า 1,000 แห่งได้รับประโยชน์ที่ดีจากโครงการที่จัดขึ้นในปีนี้ผ่านการแข่งขัน การเวิร์คช็อปทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ รวมถึงกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงการ SFT ของซัมซุงอีกด้วย โดยสามารถรับชมวิดีโอได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=W04pPr6Qejs
โดยล่าสุด บริษัท ซัมซุง ประเทศนิวซีแลนด์ได้ประกาศผู้ชนะของโครงการ STF 2566 ซึ่งผลงานที่ได้ชนะการประกวดนั้นน่าประทับใจเป็นอย่างยิ่งเนื่องจากเป็นสิ่งที่สามารถบอกได้เลยว่าทำไมซัมซุงถึงยังต้องอุทิศความพยายามต่างๆ ให้แก่ชุมชนผ่านโครงการนี้ ยกตัวอย่างเช่น ผลงานการสร้างกลไกกังหันน้ำของเด็กชายโทมัส คอสตาร์ (Thomas Costar) อายุ 12 ปีที่ช่วยผลิตกระแสไฟฟ้าผ่านระบบระบายน้ำในครัวเรือน โดยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ที่เขาได้ใช้นั้นถือเป็นตัวอย่างที่ดีของความอุสาหะและความคิดเชิงออกแบบ
ผู้เข้าร่วมซัมซุงอินโนเวชันแคมปัสในประเทศกัมพูชากำลังทำงานอย่างชาญฉลาดภายใต้คำแนะนำของเมนเทอร์ |
นอกเหนือจากการส่งเสริมความคิดทางด้านนวัตกรรมผ่านโครงการ STF แล้ว ซัมซุงยังต้องการที่จะเพิ่มศักยภาพให้กับคนรุ่นใหม่ด้วยทักษะที่เป็นประโยชน์และใช้งานได้จริงเพื่อความสำเร็จในโลกดิจิทัลที่เพิ่มมากขึ้น และนี่คือพื้นที่ของ ซัมซุงอินโนเวชันแคมปัส (Samsung Innovation Campus – SIC) โดยเราต้องการที่จะช่วยเหลือเยาวชนในการพัฒนาทักษะในโลกแห่งความจริงในพื้นที่ของ AI IoT ฐานข้อมูลบิ๊กเดต้า และการเขียนโค้ดผ่านโปรแกรมการฝึกอบรมอย่างเป็นทางการควบคู่ไปกับกิจกรรมอื่นๆ อย่างเช่น Innovation Hackathons และ IoT Bootcamps
นับตั้งแต่การเปิดตัวครั้งแรกในประเทศอินโดนีเซียและประเทศเวียดนามเมื่อปี 2563 ซัมซุงได้ดำเนินการงานต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปีนี้ พวกเรารู้สึกเป็นเกียรติเป็นอย่างยิ่งที่จะเพิ่มประเทศกัมพูชาและประเทศลาวเข้าไปในโปรแกรมของพวกเราด้วย โดยในปัจจุบันซัมซุงได้ประเมินว่ามีนักเรียนกว่า 8,000 คนจาก 135 โรงเรียนทั่วประเทศเขมร อินโดนีเซีย ลาว ไทย และเวียดนาม เข้าร่วมโครงการของซัมซุง พร้อมทั้งยังได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากมหาวิทยาลัยระดับชาติหลากหลายแห่งเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ ซัมซุงยังได้รับแรงบันดาลใจจากการตอบรับในเชิงบวกมากมายจากเหล่านักเรียนว่าโปรแกรม SIC นั้นได้ช่วยเปลี่ยนมุมมองของพวกเขาที่มีต่อข้อมูลวิทยาศาสตร์อย่างไร อีกทั้งยังช่วยเป็นไกด์ไลน์นำทางในด้านการศึกษาให้กับพวกเขาได้เดินในเส้นทางที่ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
ซัมซุงรู้สึกขอบคุณและเป็นเกียรติเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับทั้งความร่วมมือ การสนับสนุน ตลอดจนการแบ่งปันข้อมูลและการเรียนรู้จากหน่วยงานภาครัฐและองค์กรทางด้านการศึกษาต่างๆ ที่ร่วมมือกับซัมซุงตลอดการเดินทางในครั้งนี้ ซึ่งความร่วมมือเหล่านี้ทำให้ซัมซุงมั่นใจได้ว่าโครงการในรูปแบบท้องถิ่นได้ถูกปรับแต่งให้เหมาะสมกับความต้องการทางด้านการศึกษาของแต่ละชุมชนได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยยกระดับประสบการณ์การเรียนรู้ของนักเรียน ตลอดจนช่วยขยายผลกระทบของโปรแกรมทั่วภูมิภาคโดยการเพิ่มการรับรู้การมีอยู่ของโครงการและการสนับสนุนที่เปิดตัวในตลาดเป็นต้น
ด้วยเหตุนี้จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าการมีแพชชันในด้านการศึกษามีบทบาทสำคัญต่อความสำเร็จอันน่าทึ่งที่เราได้บรรลุด้วยจิตวิญญานของการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ร่วมกันด้วยการริเริ่มโครงการ SFT และ SIC อย่างไรบ้าง
นอกจากนี้การสร้างสรรค์โปรแกรมต่างๆ เช่น SFT และ SIC ยังสร้างโอกาสที่มากขึ้นให้กับซัมซุงในการสนับสนุนชุมชนท้องถิ่นและการศึกษา ยกตัวอย่างเช่นในปีนี้ซัมซุงได้ลงนามในข้อตกลงสองฉบับที่ประเทศอินโดนีเซีย โดยฉบับแรกซัมซุงได้ลงนามกับกระทรวงการศาสนาแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซียเพื่อเปิดตัวโครงการ ‘Samsung Digital for Indonesia’ เพื่อสนับสนุนโครงการสมาร์ทมาดราซาห์ในประเทศ นอกจากนี้ซัมซุงยังได้ทำการลงนามข้อตกลงอีกฉบับกับสถาบันเทคโนโลยีบันดุงเพื่อการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
อีกหนึ่งก้าวสู่ 54 ปีข้างหน้าเพื่อการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีให้กับชุมชนต่อไป
ที่ซัมซุงเรามีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าการทำความดีที่แท้จริงแล้วคือการทำธุรกิจที่ดี โดยซัมซุงได้มุ่งมั่นที่จะมีส่วนร่วมกับชุมชนและมอบผลกระทบที่มีประสิทธิภาพเพื่อเติบโตไปพร้อมกับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันพวกเราก็ได้กำลังมองหาวิธีในการทำงานร่วมกันกับเหล่านวัตกรในอนาคต โดยส่งเสริมให้พวกเขามีความกล้าที่จะผลักดันขอบเขตของนวัตกรรมเพื่อสร้างอนาคตที่ใสให้กับผู้คนสืบต่อไป