Kyndryl Bridge ผสานปัญญาประดิษฐ์ (AI), ข้อมูล (Data) และความเชี่ยวชาญเชิงลึก ในอุตสาหกรรม ยกระดับการจัดการบริการด้านเทคโนโลยีรูปแบบใหม่

 

แพลตฟอร์มเพิ่มพลังขับเคลื่อนศักยภาพทางธุรกิจให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ช่วยลูกค้ากลุ่มแรกเริ่ม ประหยัดได้มากกว่า 34,000 ล้านบาท (1 พันล้านดอลลาร์) ต่อปี 


คินดริล หรือ Kyndryl (NYSE: KD) ผู้ให้บริการระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก ประกาศว่าองค์กรระดับโลกมากกว่า 500 ราย ดำเนินงานบน Kyndryl Bridge โดยคาดว่าจะมีลูกค้ามากกว่า 1,000 รายภายในสิ้นปีงบประมาณนี้ ทั้งนี้ Kyndryl Bridge คือ แพลตฟอร์มบริการเทคโนโลยีบูรณาการแบบเปิดแห่งแรกของอุตสาหกรรม ที่ผสานรวมปัญญาประดิษฐ์ (AI) ข้อมูลการดำเนินงาน และความเชี่ยวชาญของคินดริลเข้าด้วยกันแบบไร้รอยต่อเพื่อมอบแนวทางใหม่ในการดำเนินการระบบขององค์กรและยังส่งมอบผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดีขึ้นให้แก่ลูกค้า 


ในฐานะผู้ให้บริการระบบโครงสร้างพื้นฐานและบริการการจัดการอันดับหนึ่งของโลก คินดริลได้ผสานรวม/บูรณาการปัญญาประดิษฐ์ ( AI) และแมชชีนเลิร์นนิง (ML) เข้ากับระบบภารกิจหลัก(Mission-critical systems) ที่จำเป็นต่อการอยู่รอดขององค์กร นอกจากนี้ คินดริลยังได้นำความเชี่ยวชาญ รวมถึงทรัพย์สินทางปัญญา สิทธิบัตร ทักษะ และประสบการณ์เชิงลึกในอุตสาหกรรมเพื่อเร่งการส่งมอบนวัตกรรมและบริการใหม่ ๆ เพื่อตอบรับความต้องการของลูกค้าที่คาดหวังว่าจะได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่เพื่อพลิกโฉมการดำเนินงานของพวกเขา 


Kyndryl Bridge ประมาณการว่าได้ช่วยให้ลูกค้ากลุ่มแรกเริ่ม ลดค่าใช้จ่ายต่อปีได้มากกว่า 34,000 ล้านบาท (1 พันล้านเหรียญสหรัฐ) ซึ่งรวมถึง: 

  • สามารถลดค่าใช้จ่าย 670 ล้านดอลลาร์ต่อปี จากการป้องกันสถานการณ์ไม่พึงประสงค์หลายพันสถานการณ์ก่อนที่จะเกิดขึ้น 
  • สามารถลดค่าใช้จ่าย 370 ล้านดอลลาร์ต่อปี จากการลดช่วงระยะเวลาในการบำรุงรักษาซอฟแวร์ที่จำเป็น. 


“Kyndryl Bridge เข้ามาพลิกโฉมวิธีการที่ ผู้บริหารฝ่ายกลยุทธ์ด้านการสร้างประสบการณ์ที่ดีต่อสินค้าและบริการ (CXOs) จัดการระบบเทคโนโลยีที่ซับซ้อนมากขึ้นของพวกเขา” มาร์ติน ชโรเตอร์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารแห่งคินดริล กล่าว “แพลตฟอร์มที่ให้บริการเทคโนโลยีบูรณาการแบบเปิดอันแตกต่าง ซึ่งขับเคลื่อนด้วย AI นี้ จะเร่งการทำงานของระบบอัตโนมัติ และขับเคลื่อนองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนสร้างการดำเนินงานที่ยั่งยืนมากขึ้นช่วยให้บริษัทต่าง ๆ บรรลุเป้าหมายด้านการเติบโตและมอบผลประโยชน์ที่ดีที่สุดให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของบริษัท” 


แพลตฟอร์มแบบบูรณาการเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล 

Kyndryl Bridge เปิดตัวในเดือนกันยายน 2565 โดยเป็นส่วนหนึ่งของความคิดริเริ่ม Advanced Delivery หนึ่งในกลยุทธ์หลัก Three-A ของคินดริล โดยเป็นแพลตฟอร์มที่ได้พัฒนาขึ้นจากความเชี่ยวชาญหลายทศวรรษของบริษัทในการจัดการสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนและมีความสำคัญต่อภารกิจหลักที่จำเป็นต่อการอยู่รอดขององค์กร โดยมีสภาพแวดล้อมการดำเนินงานในรูปแบบของการบริการ ('as-a-service') ซึ่งรวมถึง แพลตฟอร์มสำหรับซื้อขายของบนโลกออนไลน์ที่เจ้าของเป็นผู้ขายรายเดียว (Single marketplace), ส่วนเฝ้าคุมหรือคอนโซลการจัดการการดำเนินงาน และเครื่องวิเคราะห์ AI และ ML 


"การนำแพลตฟอร์มการจัดการแบบมัลติคลาวด์มาปรับใช้ภายในองค์กร เพื่อควบคุมทรัพยากรทั้งหมดที่วางระบบไว้ภายในองค์กรและบนคลาวด์ เป็นสิ่งจำเป็นที่สำคัญยิ่งสำหรับองค์กรในการย้ายและปรับปรุงเทคโนโลยีให้ทันสมัยเพื่อเข้าไปสู่ระบบคลาวด์ในช่วงที่จะเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจดิจิทัล“ เดวิด แทปเปอร์ รองประธานโปรแกรมจัดจ้างภายนอกและบริการคลาวด์ แห่ง บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล ดาต้า คอร์ปอเรชั่น (IDC) กล่าว “การใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มการจัดการแบบมัลติคลาวด์อย่าง Kyndryl Bridge สามารถช่วยเหลือผู้ให้บริการคลาวด์แบบสาธารณะ การพัฒนาและกระบวนการปรับใช้เป็นไปโดยอัตโนมัติ เร่งการสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจ และจัดให้เห็นการทำงานด้านเทคโนโลยีที่ครอบคลุม  ในขณะเดียวกันก็ใช้  AI เพื่อขับเคลื่อนประสิทธิภาพและปรับการใช้ให้สอดคล้องกับความต้องการเฉพาะของผู้ใช้ และใช้ FinOps เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายของทรัพยากรคลาวด์อย่างทั่วถึง วางแผนค่าใช้จ่ายให้กับหน่วยธุรกิจ คาดการณ์การใช้จ่ายและจัดทำงบประมาณ การใช้ Kyndryl Bridge จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายเหล่านี้” 


พันธมิตรที่ร่วมสร้างนวัตกรรมบน Kyndryl Bridge 


นอกจากนี้ คินดริลและพันธมิตรด้านเทคโนโลยีกำลังร่วมมือกันเพื่อเร่งความเร็วและส่งมอบข้อมูลเชิงลึกและนวัตกรรมแบบเรียลไทม์ครอบคลุมทั้งระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ 


“เรากำลังร่วมสร้างนวัตกรรมกับคินดริลเพื่อพัฒนาโซลูชั่นใหม่ที่ช่วยให้ลูกค้าได้รับทั้งความสามารถในการมองเห็นข้อมูลและมูลค่าที่มากขึ้นจากฐานข้อมูลที่พวกเขามีอยู่ในระบบ และการลงทุนด้านเทคโนโลยี” จอห์น เกรย์ ผู้อำนวยการพอร์ตโฟลิโอ Global Systems Integrators ของอะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (AWS) กล่าว “ด้วยการผสานรวมระหว่างความเชี่ยวชาญอันยาวนานในการประยุกต์อัจฉริยะของคินดริล กับดาต้า เลค (Data Lake) หรือที่จัดเก็บข้อมูลที่มาจากหลากหลายแหล่ง และบริการแมชชีน เลิร์นนิ่ง (Machine Learning) ขนาดใหญ่ของ AWS พวกเรากำลังทำงานเพื่อให้บริการลูกค้าร่วมของเราได้ดียิ่งขึ้น และช่วยให้ลูกค้าใช้ประโยชน์จากข้อมูลภายในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยใช้ข้อมูลที่มีอยู่มหาศาลมาประกอบการตัดสินใจทางธุรกิจ ซึ่งจะช่วยในการขับเคลื่อนการพลิกโฉมธุรกิจ” 


“เรากำลังทำงานร่วมกับคินดริลเพื่อลดความซับซ้อนและเร่งการเปลี่ยนแปลงให้ลูกค้าของเรา” สเตฟฟี่ คูเบลอร์ รองประธานอาวุโสและหัวหน้าฝ่าย Business and Data Transformation Solutions ของ SAP กล่าว “เริ่มต้นด้วยเทคนิคใหม่ในการย้ายข้อมูลและระบบอัตโนมัติเพื่อลดระยะเวลาของโครงการ เรานำเสนอมุมมองแบบองค์รวมของปริมาณงาน SAP และปริมาณงานที่ไม่ใช่ SAP พร้อมกันในครั้งเดียวซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าเข้าใจและได้ข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญจากข้อมูลขององค์กรพวกเขา” 


“การรวมกันของบริการ Kyndryl Bridge และบริการ Red Hat OpenShift และ Red Hat Ansible Automation Platform ช่วยให้ลูกค้าออกแบบ ปรับใช้ และเร่งโครงการการเปลี่ยนแปลงระบบคลาวด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สิ่งนี้ยังช่วยให้ลูกค้าใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศที่มีศักยภาพได้ง่ายขึ้น ทั้งช่วยให้มองเห็นและควบคุมการใช้งานแอปพลิเคชันได้อย่างชัดเจน และจัดการค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การทำงานร่วมกันของ Red Hat และคินดริล ช่วยให้ลูกค้าปลดล็อกมูลค่าของการลงทุนด้านเทคโนโลยีได้เร็วขึ้น เพื่อผลลัพธ์ทางธุรกิจที่แท้จริง” สเตฟานี่ ชีราส รองประธานอาวุโสฝ่าย Partner Ecosystem Success ของ Red Hat กล่าว 


การเร่งขยายการให้บริการ 

Kyndryl Bridge เตรียมพร้อมเปิดใช้งานบริการรูปแบบดิจิทัลเกือบ 190 รายการบน Kyndryl Bridge ภายในสิ้นปีงบประมาณปัจจุบัน (มีนาคม 2567) คินดริลขับเคลื่อนนวัตกรรม AI และขยายการบริการทั้งในแนวลึก และในแนวกว้าง เพื่อให้ลูกค้าได้รับผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดีขึ้น อาทิ 

  • บรรลุผลลัพธ์ด้วยการขับเคลื่อนของ AI – เพิ่มหลากหลายบริการที่จะช่วยปลดล็อกโอกาสที่ยิ่งใหญ่ขึ้นให้ลูกค้าของเรา จัดการและสร้างแบบจำลองข้อมูล และส่งมอบผลลัพธ์เฉพาะอุตสาหกรรม เริ่มตั้งแต่การเปิดใช้หลักเกณฑ์และวิธีการผลิตตามแนวทางอุตสาหกรรมอัจฉริยะ 4.0 และการลดความเสี่ยงด้านคุณภาพการผลิต ไปจนถึงการระบุตลาดใหม่เพื่อพัฒนาและขายผลิตภัณฑ์ด้วยการประมวลผลจากข้อมูลจำนวนมหาศาล 
  • พร้อมตอบสนองภัยคุกคามทางไซเบอร์และปฏิบัติตามข้อกำหนดมากขึ้น – บริการใหม่ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการลงทุนด้านความปลอดภัยขององค์กร ตั้งแต่การรวมข้อมูลเพื่อป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ กระบวนการจัดการทางธุรกิจหรือเวิร์กโฟลว์ (workflows) สำหรับสถานการณ์ที่เป็นภัยคุกคามต่อระบบ และการพิจารณาการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านข้อมูลในระดับท้องถิ่นและระดับโลก 
  • บรรลุเป้าหมายการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ – ระบบอัจฉริยะด้านความยั่งยืนและเครื่องคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon footprint) ที่ขับเคลื่อนด้วย AI จะวัดการใช้พลังงานและข้อมูลการปล่อยมลพิษแบบเรียลไทม์ เพื่อช่วยลูกค้าในการวิเคราะห์ จำลอง คาดการณ์ และสร้างคำแนะนำที่นำไปปฏิบัติได้จริงเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานทั่วระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ 


ใหม่กว่า เก่ากว่า