เปิดหัวใจ...สองคู่รักนักขับ (ฉบับแกร็บ)

 

ย่างเข้าสู่เดือนกุมภาพันธ์ เชื่อว่าหลายคนที่กำลังมีความรักคงจะต้องมีโลกเป็นสีชมพูอยู่เป็นแน่  เพื่อต้อนรับเทศกาลวาเลนไทน์ในปีนี้ ขอชวนทุกคนมาสัมผัสกับเรื่องราวความรักอันแสนอบอุ่นที่ชวนเรียกรอยยิ้มจากเหล่าพาร์ทเนอร์คนขับแกร็บอย่าง “คุณแอน” กรกช ภูมิสถิตย์พงษ์ และ “คุณแซก” อุทิศ แสงรุ่ง คู่รักนักขับที่พัฒนาความสัมพันธ์จากเพื่อนร่วมอาชีพจนกลายเป็นคนรู้ใจและ “คุณตาแดง” พีรพล อังควานิช และ “คุณยายน้อง” สุธิรา อังควานิช คู่รักวัยเกษียณที่บุพเพสันนิวาสนำพาให้มาพบและรักกันยืนยาวมากว่า 30 ปี ที่จนถึงวันนี้ก็ยังคงความหวานเหมือนวันแรกที่ได้เจอ



อินเลิฟเพราะออนไลน์


แอน - กรกช ภูมิสถิตย์พงษ์ วัย 48 ปี และ แซก - อุทิศ แสงรุ่ง วัย 45 ปี สองพาร์ทเนอร์คนขับแกร็บคาร์ที่ได้รู้จักกันครั้งแรกผ่านคอมมูนิตี้ของกลุ่มคนขับ ด้วยความบังเอิญที่มีเรื่องราวในชีวิตเหมือนกันในหลายด้าน


ทั้งเกิดวันเดียวกัน ชอบทีมฟุตบอลเดียวกัน แถมยังต้องรับบทพ่อและแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าครอบครัวคอยเลี้ยงลูกเพียงลำพังเหมือนกัน ทำให้ทั้งคู่เกิดความสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว และสานสัมพันธ์จนกลายเป็นคู่รัก


นักขับแห่งครอบครัวแกร็บ



คุณแอนเล่าว่าเริ่มมาขับแกร็บคาร์ตั้งแต่ปี 2558 ตอนนั้นต้องหาเลี้ยงครอบครัวและลูกคนเดียว เดิมทีเธอเรียนจบเศรษฐศาสตร์และทำงานด้านไฟแนนซ์มาตลอดชีวิต แต่ด้วยความที่ชอบขับรถมาก ขับมาตั้งแต่เด็กๆ พออิ่มตัวจากงานประจำเลยมองหาอาชีพที่เหมาะกับความชอบและทำเงินได้ เลยเลือกมาขับรถกับแกร็บเพราะตอบโจทย์ทั้งเรื่องรายได้ มีอิสรภาพ แถมยังมีเวลาให้สามารถดูแลครอบครัวได้ด้วย


“ตอนที่มาขับแรกๆ ยังไม่ค่อยมีประสบการณ์ เลยลองสมัครเข้ากรุ๊ปคนขับบน Facebook ซึ่งเป็นโอกาสให้ได้ทำความรู้จักเพื่อนร่วมอาชีพ มีพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ คอยแนะนำและให้คำปรึกษา แบ่งปันความรู้และเทคนิคต่างๆ ทำให้เรารู้สึกอุ่นใจ  ซึ่งนี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราได้มารู้จักกับแซก เพราะมีวันนึงที่เขาโพสต์ภาพตัวเองว่าได้รับของขวัญวันเกิดจากลูกค้า ทำให้เห็นว่าเราทั้งคู่เกิดวันเดียวเดือนเดียวกัน (30 ธันวาคม) เราเลยไปคอมเมนต์ใต้ภาพ หลังจากนั้นเขาก็เลยทักมา และเริ่มต้นพูดคุยกัน และพัฒนาความสัมพันธ์จนกลายมาเป็นแฟนกันจนถึงตอนนี้”


ด้านคุณแซกเสริมว่า “จริงๆ ผมมีงานประจำนะ เแต่เริ่มมาขับแกร็บรับส่งผู้โดยสารหลังเลิกงานเพราะต้องการหารายได้เสริมเพื่อจะเอาเงินไปผ่อนรถ ปกติผมไม่ค่อยร่วมกิจกรรมหรือโพสต์อะไรในกรุ๊ปคนขับเท่าไหร่ แต่วันนั้นรู้สึกประทับใจที่ได้รับของจากลูกค้า เลยอยากโพสต์ขอบคุณ ซึ่งไม่คิดเลยว่าโพสต์ในวันนั้นจะเป็นสะพานเชื่อมให้เรามารู้จักกับแอน พอได้คุยกันผมรู้สึกประทับใจที่เขามีอะไรเหมือนเราหลายอย่าง แถมยังเป็นผู้หญิงเก่งและสู้ชีวิต ขับรถตั้งแต่เช้ายันค่ำเพื่อหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว พูดตามตรงบางทีผมเองก็แอบเป็นห่วงเขาเหมือนกันเวลาที่ต้องออกมาขับรถเวลากลางคืน แต่พอเป็นแกร็บก็เลยอุ่นใจ เพราะเป็นแอปที่มีระบบและมาตรฐานด้านความปลอดภัย หากเกิดเหตุฉุกเฉินก็สามารถติดต่อคอลเซ็นเตอร์หรือต่อสายตรงหาตำรวจได้ หรือสามารถแชร์ตำแหน่งให้เรารู้ได้ว่าเขาอยู่ที่ไหน แถมเรายังคอยโทรหาเขาอยู่ตลอดก็ช่วยให้คลายกังวล”



คุณแอนกล่าวทิ้งท้ายว่า “แม้เราทั้งคู่จะทำงานเยอะเพราะต้องเป็นเสาหลักให้กับครอบครัว แต่ก็ไม่ลืมที่จะหาเวลาให้กันตลอด ไม่ว่าจะโทรคุยกัน การออกไปเที่ยวพักผ่อนด้วยกัน หรือแค่หาเวลามาเจอมากินข้าวด้วยกันช่วงเย็น ก่อนเเยกย้ายกันไปขับแกร็บต่อ ก็เป็นความสุขง่ายๆ ที่ช่วยเติมเต็มความรักของเราสองคน แม้เราจะคบกันมาเกือบ 3 ปีแล้ว แต่เราสองคนก็ยังไม่หยุดเรียนรู้ซึ่งและกัน สิ่งสำคัญคือการปรับตัวเข้าหากัน และเป็นความสุขให้แก่กันและกันในทุกๆ วัน แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว”


30 ปี…รักเรา ไม่เก่าเลย


ในยุคสมัยที่โลกหมุนไปอย่างรวดเร็วและความสัมพันธ์แบบฉาบฉวยอาจกลายเป็นเรื่องปกติในสังคม การจะได้เจอใครสักคนและพัฒนาความสัมพันธ์จนก่อเกิดเป็นรักแท้อาจไม่ใช่เรื่องง่าย แต่หากได้เจอแล้ว การจะประคับประคองความรักและรักษาความสัมพันธ์ให้ยืนยาวและหวานชื่นเหมือนวันแรกคงเป็นเรื่องที่ยากยิ่งกว่า แต่คงไม่ใช่สำหรับ คุณตาแดง พีรพล อังควานิช วัย 66 ปี อดีตหนุ่มแบงก์ที่ผันตัวมาขับแกร็บฟู้ดหลังเกษียณ ผู้ตกหลุมรักสาวใต้แห่งเมืองสงขลาอย่าง คุณยายน้อง สุธิรา อังควานิช อย่างถอนตัวไม่ขึ้นจนถึงทุกวันนี้ ถึงกับมีประโยคแทนใจว่า “เธอคือบุพเพสันนิวาสของผม”



คุณตาแดงเล่าให้ฟังว่า เดิมทีเป็นคนนครสวรรค์ แต่มีเหตุให้ต้องเดินทางไปเยี่ยมญาติที่สงขลา และมีโอกาสได้ทำงานเป็นพนักงานธนาคารแห่งหนึ่งในตัวเมืองหาดใหญ่ จนพรหมลิขิตได้นำพาให้ได้มาพบกับคุณยายน้องที่ทำงานเป็นพนักงานแคชเชียร์ให้กับโรงแรมที่อำเภอหาดใหญ่ในตอนนั้น


“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบกับยาย ตาก็รู้สึกถูกชะตา รู้สึกว่าเขาเป็นคนน่ารัก เลยตามจีบมาตลอด ทุกๆ วันหลังเลิกงานตาจะไปรับเขาไปกินข้าว แล้วก็ไปส่งที่บ้าน แสดงให้ทางบ้านเขาเห็นว่าเราจริงใจและสามารถดูแลลูกสาวเขาได้ พอคบเป็นแฟนกันได้ 6 ปี ทางบ้านก็อนุญาตให้เราแต่งงานกัน การตกหลุมรักใช้เวลาไม่นาน แต่การจะดูแลความรักให้ยืนยาวต้องใช้ทั้งเวลาและความพยายามไปด้วยกัน ตารู้สึกโชคดีที่มียายน้องเป็นคู่ชีวิต เขาเป็นทั้งแม่ที่ดีของลูกๆ และยังเป็นภรรยาที่คอยดูแลกันมาตลอดเวลา 30 กว่าปี”


คุณตาเล่าเสริมว่า“หลังจากเกษียณจากงานที่ธนาคาร ตารู้สึกเคว้งอยู่นาน ถึงแม้เราจะไม่ได้ต้องส่งเสียลูกหรือมีภาระอะไรมากมาย แต่เหมือนชีวิตขาดอะไรไป เพราะเรามีเวลาเหลือเยอะมากในแต่ละวัน จนเพื่อนแนะนำให้มาลองขับแกร็บ เดิมทีตาเป็นคนชอบขับมอเตอร์ไซค์อยู่แล้ว ก็เลยลองมาขับดู ปรากฏว่าติดใจเลย รู้สึกชีวิตสนุกขึ้นเหมือนเราได้ออกมาทำภารกิจทุกวัน บางครั้งก็ได้ฝึกสมอง เวลาที่ลูกค้าปักหมุดไม่ตรงเราก็ต้องพยายามหาทางเอาอาหารไปส่งให้ถึงมือ” 


“ช่วงแรกๆ ตาออกมาขับคนเดียวก่อน แต่หลังๆ ยายเขาทนเป็นห่วงไม่ไหวเลยขอมาออกมาด้วย เพื่อคอยนั่งเป็นเพื่อนกันไปเวลาที่ตาออกมาขับแกร็บ เอาจริงๆ ตาก็เป็นห่วง ไม่อยากให้เขาต้องมาลำบากตากแดดข้างนอก แต่ยายก็ยังยืนยันที่จะออกมา ตาเลยถือโอกาสนี้เหมือนได้ออกมาขับรถเที่ยวเล่นด้วยกัน เหมือนสมัยจีบกันแรกๆ พอได้ออกมาด้วยกันทุกวันแบบนี้ กลายเป็นว่าเราได้ใช้เวลาด้วยตลอดเวลา ถือเป็นการเติมความรักให้กันวันละเล็กละน้อย” 


คุณตาแอบกระซิบทิ้งท้าย บอกถึงเคล็ด (ไม่) ลับในการบริหารความรักให้หวานชื่นเหมือนวันแรกว่า “สิ่งเล็กๆ น้อยๆ อย่างการห่วงใย การดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกันในทุกๆ วันนี่แหละเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของการใช้ชีวิตคู่ให้ยืนยาว”

ใหม่กว่า เก่ากว่า