Apple เปิดตัว iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max กล้องความละเอียด 48MP ครั้งแรกบน iPhone และวิธีใหม่สุดล้ำสำหรับรับการแจ้งเตือนและกิจกรรมต่างๆ ด้วย Dynamic Island

วันนี้ Apple เปิดตัว iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max ซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ตระกูล Pro ที่ล้ำหน้าที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยมาพร้อม Dynamic Island ซึ่งเป็นดีไซน์ใหม่ที่จะทำให้การใช้งาน iPhone เป็นเรื่องง่าย และจอภาพแบบติดตลอด นอกจากนี้ iPhone 14 Pro ซึ่งขับเคลื่อนด้วยชิปสมาร์ทโฟนที่เร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมาอย่าง A16 Bionic ยังมาพร้อมระบบกล้องระดับโปรที่เหนือชั้นไปอีกระดับ ด้วยกล้องหลักความละเอียด 48MP ครั้งแรกบน iPhone ที่มีเซ็นเซอร์แบบ Quad-pixel และ Photonic Engine ซึ่งเป็นกระบวนการจัดการภาพที่ดียิ่งกว่าเดิม ช่วยให้ภาพถ่ายในสภาวะแสงน้อยสวยขึ้นจนต้องทึ่ง ความก้าวหน้าที่ล้ำสมัยเหล่านี้ทำให้ iPhone ยิ่งกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับงานทั่วไปในชีวิตประจำวัน โปรเจ็กต์สุดสร้างสรรค์ หรือแม้แต่ในสถานการณ์ฉุกเฉินเพราะตอนนี้มีคุณสมบัติต่างๆ อาทิ SOS ฉุกเฉินผ่านดาวเทียมและการตรวจจับการชนกัน ทั้งนี้ iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max มีสีใหม่ที่สวยงามให้เลือกถึง 4 สี ได้แก่ สีม่วงเข้ม สีเงิน สีทอง และสีดำสเปซแบล็ค โดยสามารถสั่งซื้อล่วงหน้าได้ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 9 กันยายน และจะวางจำหน่ายในวันศุกร์ที่ 16 กันยายน

"ลูกค้าของเราพึ่งพา iPhone ในทุกๆ วัน และเรากำลังมอบ iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max ที่ล้ำหน้ายิ่งกว่า iPhone รุ่นไหนๆ โดย iPhone 14 Pro มาพร้อมระบบกล้องที่ทำให้ผู้ใช้ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้ทั่วไปหรือมือโปร สามารถถ่ายภาพและวิดีโอได้ดีที่สุด อีกทั้งยังมีเทคโนโลยีสุดล้ำใหม่ๆ อย่างจอภาพแบบติดตลอดและ Dynamic Island ที่เป็นวิธีใหม่ในการโต้ตอบกับแจ้งเตือนและกิจกรรมต่างๆ" Greg Joswiak รองประธานอาวุโสฝ่าย Worldwide Marketing ของ Apple กล่าว "คุณสมบัติด้านความปลอดภัยสุดล้ำยังมอบความปลอดภัยที่เหนือระดับแก่ผู้ใช้ และหยิบยื่นความช่วยเหลือในเวลาที่ผู้ใช้ต้องการมากที่สุด และด้วยชิป A16 Bionic ที่ทรงพลังและประหยัดพลังงานจนเหลือเชื่อ ตลอดจนแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ตลอดทั้งวัน ก็ยิ่งทำให้นี่คือ iPhone ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา"

ดีไซน์โดดเด่นสะดุดตาและจอภาพที่ล้ำหน้าที่สุดบนสมาร์ทโฟน

iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max มาพร้อมดีไซน์แบบสแตนเลสสตีลเกรดเดียวกับที่ใช้ทำเครื่องมือศัลยกรรมและกระจกผิวด้านที่สวยงามใน 4 สีสวยงาม โดยมีให้เลือกระหว่างรุ่น 6.1 นิ้ว และ 6.7 นิ้ว ซึ่งทั้งสองรุ่นใช้จอภาพ Super Retina XDR ใหม่ พร้อม ProMotion ที่มีจอภาพแบบติดตลอดเป็นครั้งแรกบน iPhone ซึ่งเป็นจริงได้ด้วยอัตราการรีเฟรชที่ 1Hz ใหม่ และอีกหลายเทคโนโลยีในการประหยัดพลังงาน ทั้งหมดนี้ทำให้หน้าจอล็อคแบบใหม่มีประโยชน์ยิ่งขึ้น สามารถแสดงเวลา วิดเจ็ต และกิจกรรมสดๆ ให้เหลือบมองได้ทุกเมื่อ และจอภาพสุดล้ำนี้ยังมีระดับความสว่าง HDR สูงสุดเฉพาะจุดเทียบเท่ากับ Pro Display XDR และถือเป็นความสว่างสูงสุดเฉพาะจุดขณะอยู่กลางแจ้งที่มากที่สุดในสมาร์ทโฟน สูงสุด 2,000 นิต หรือสว่างกว่า iPhone 13 Pro ถึงสองเท่า

iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max ยังคงมีคุณสมบัติด้านความทนทานระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรมด้วยตัวเครื่องด้านหน้าแบบ Ceramic Shield ที่แข็งแกร่งกว่ากระจกไหนๆ บนสมาร์ทโฟน อีกทั้งยังมีความสามารถในการทนน้ำและฝุ่นที่ช่วยปกป้องเครื่องจากน้ำหกใส่และอุบัติเหตุต่างๆ ด้วย

Dynamic Island: ประสบการณ์แบบอินเทอร์แอ็คทีฟสำหรับผู้ใช้

Dynamic Island มาพร้อมวิธีใหม่ในการโต้ตอบกับ iPhone ด้วยดีไซน์ที่เป็นการผสมผสานกันอย่างกลมกลืนกันระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ สามารถปรับการทำงานในแบบเรียลไทม์เพื่อแสดงการแจ้งเตือนและกิจกรรมต่างๆ ได้ โดยมีการออกแบบกล้อง TrueDepth ขึ้นใหม่ให้ใช้พื้นที่จอภาพน้อยลงเพื่อรองรับกับ Dynamic Island ยิ่งกว่านั้น Dynamic Island ยังคงสถานะการทำงานอยู่ตลอดเวลาโดยไม่รบกวนคอนเทนต์บนหน้าจอ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงส่วนควบคุมต่างๆ ได้ง่ายขึ้นเพียงแค่แตะค้างไว้ ส่วนกิจกรรมเบื้องหลังที่ทำงานอยู่อย่างต่อเนื่อง เช่น แอปแผนที่ แอปเพลง หรือนาฬิกานับถอยหลัง จะปรากฏให้เห็นตลอดเวลาและโต้ตอบได้ เช่นเดียวกับแอปของบริษัทอื่นใน iOS 16 ที่แสดงข้อมูล อย่างผลการแข่งขันกีฬา หรือแอปประเภทแชร์การเดินทางที่มีกิจกรรมแบบสดๆ ทั้งหมดนี้จะได้รับประโยชน์จาก Dynamic Island

ระบบกล้องระดับโปรที่เหนือชั้นไปอีกระดับ

ระบบกล้องระดับโปรบน iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max สร้างนิยามใหม่แห่งความเป็นไปได้บนสมาร์ทโฟน ทำให้ผู้ใช้ทุกคนไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้ทั่วไปหรือมือโปรก็ตาม สามารถถ่ายภาพและวิดีโอได้อย่างดีที่สุด

iPhone 14 Pro ยกระดับการประมวลผลภาพถ่ายด้วยคอมพิวเตอร์ให้ก้าวไปอีกขั้นด้วย Photonic Engine ที่ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพในสภาวะแสงน้อยถึงปานกลางในภาพถ่ายจากกล้องทุกตัวโดยอาศัยการทำงานร่วมกันเป็นหนึ่งเดียวระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ทำให้กล้องหลักมีประสิทธิภาพดีขึ้นสูงสุด 2 เท่า กล้องอัลตร้าไวด์ดีขึ้นสูงสุด 3 เท่า กล้องเทเลโฟโต้ดีขึ้นสูงสุด 2 เท่า และกล้อง TrueDepth ดีขึ้นสูงสุด 2 เท่า ซึ่งการที่ Photonic Engine ช่วยเพิ่มคุณภาพได้มากขนาดนี้ ก็เพราะมีการใช้ Deep Fusion ตั้งแต่ในช่วงแรกๆ ของกระบวนการประมวลผลภาพ จึงสามารถถ่ายทอดรายละเอียดได้อย่างน่าทึ่ง เก็บบันทึกความละเอียดลออบนพื้นผิว ให้สีสันที่ดียิ่งขึ้น และรักษาข้อมูลในรูปภาพไว้ได้มากขึ้น 

ถือเป็นครั้งแรกที่กลุ่มผลิตภัณฑ์ตระกูล Pro มาพร้อมกล้องหลักความละเอียด 48MP ใหม่ ที่มีเซ็นเซอร์แบบ Quad-pixel ซึ่งจะปรับการทำงานเข้ากับภาพที่ถ่าย และมาพร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคัลที่ใช้การปรับตำแหน่งเซ็นเซอร์รุ่นที่ 2 สำหรับภาพถ่ายส่วนใหญ่ เซ็นเซอร์แบบ Quad-pixel จะรวมพิกเซลทุก 4 จุด ให้กลายเป็น 1 ควอดพิกเซลขนาดใหญ่ เทียบเท่ากับขนาด 2.44 µm จึงสามารถถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยได้อย่างสวยงามน่าทึ่งโดยที่ยังคงขนาดรูปภาพที่ 12MP ซึ่งเหมาะกับการใช้งานจริง นอกจากนี้เซ็นเซอร์แบบ Quad-pixel ยังทำให้เกิดตัวเลือกเทเลโฟโต้ 2 เท่า ซึ่งใช้พื้นที่ 12 เมกะพิกเซลตรงกลางเซ็นเซอร์ในการถ่ายภาพและวิดีโอระดับ 4K เต็มความละเอียดโดยไม่ต้องซูมดิจิทัล ทั้งหมดนี้ช่วยให้ได้คุณภาพระดับออปติคัลในช่วงทางยาวโฟกัสที่คุ้นเคย ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับคุณสมบัติอย่างโหมดภาพถ่ายบุคคล อีกทั้งเซ็นเซอร์แบบ Quad-pixel ยังมีประโยชน์สำหรับเวิร์กโฟลว์ระดับโปรด้วย เพราะจะปรับการทำงานเพื่อเน้นรายละเอียดในแบบ ProRAW และยังมีโมเดลใหม่ด้านการเรียนรู้ของระบบที่ออกแบบมาสำหรับเซ็นเซอร์แบบ Quad-pixel โดยเฉพาะ ทำให้ iPhone สามารถถ่าย ProRAW ที่ความละเอียด 48MP ด้วยรายละเอียดในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน และเปิดมิติใหม่ให้กับเวิร์กโฟลว์ในการสร้างสรรค์สำหรับผู้ใช้ระดับโปร

การอัปเกรดและคุณสมบัติอื่นๆ ของระบบกล้องระดับโปรมีดังนี้

กล้องอัลตร้าไวด์ความละเอียด 12MP ใหม่ ที่มีพิกเซลขนาด 1.4 µm ซึ่งให้ภาพที่คมชัดกว่าเดิมพร้อมด้วยรายละเอียดที่ครบถ้วนยิ่งขึ้น ทำให้การถ่ายภาพมาโครที่ดีอยู่แล้วยิ่งดีขึ้นไปอีก

กล้องเทเลโฟโต้ที่ดียิ่งขึ้น รองรับการซูมแบบออปติคัล 3 เท่า

กล้องหน้า TrueDepth ใหม่ที่มีรูรับแสงขนาด ƒ/1.9 ช่วยให้ถ่ายภาพและวิดีโอในสภาวะแสงน้อยได้ดียิ่งขึ้น และยังเป็นครั้งแรกที่มีออโต้โฟกัส จึงสามารถโฟกัสได้เร็วยิ่งขึ้นในสภาวะแสงน้อยและถ่ายรูปหมู่ได้ในระยะที่ไกลออกไปกว่าเดิม

แฟลช True Tone ที่ปรับตามสภาวะแบบใหม่ ซึ่งได้รับการออกแบบใหม่หมดโดยใช้แผง LED จำนวน 9 ดวง ที่จะเปลี่ยนรูปแบบตามทางยาวโฟกัสที่เลือกไว้

ประโยชน์จากการประมวลผลภาพถ่ายด้วยคอมพิวเตอร์อันทรงพลัง อย่างเช่น โหมดกลางคืน, HDR อัจฉริยะ 4, โหมดภาพถ่ายบุคคลพร้อมด้วยคุณสมบัติการจัดแสงภาพถ่ายบุคคล, ภาพถ่ายบุคคลในโหมดกลางคืน, คุณสมบัติสไตล์ภาพถ่ายที่ช่วยปรับลุคของทุกภาพในแบบที่ผู้ใช้ต้องการ และ Apple ProRAW

โหมดแอ็คชั่นใหม่เพื่อวิดีโอที่ดูลื่นไหลเหลือเชื่อ ซึ่งจะปรับภาพให้สอดคล้องกับการส่ายไปมา การเคลื่อนไหว และการสั่นในระดับมากๆ แม้จะเป็นการถ่ายวิดีโอในจังหวะแอ็คชั่นก็ตามโหมดภาพยนตร์ที่ตอนนี้มีให้ใช้งานในระดับ 4K ที่ 30 fps และระดับ 4K ที่ 24 fps

เวิร์กโฟลว์ระดับโปรสำหรับวิดีโอ ซึ่งประกอบด้วย ProRes และ HDR ในแบบ Dolby Vision ตั้งแต่ต้นจนจบ

การตรวจจับการชนกันและ SOS ฉุกเฉินผ่านดาวเทียม 

กลุ่มผลิตภัณฑ์ iPhone 14 ทั้งหมดมาพร้อมคุณสมบัติด้านความปลอดภัยสุดล้ำที่สามารถให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินในเวลาที่สำคัญที่สุด ด้วยอุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหวแบบ Dual-core ใหม่ที่สามารถตรวจวัดแรง G ได้สูงสุดถึง 256 พร้อมด้วยไจโรสโคปที่มีช่วงไดนามิกสูง ทำให้ตอนนี้คุณสมบัติการตรวจจับการชนกันที่อยู่ใน iPhone สามารถตรวจจับเหตุรถชนรุนแรงและโทรติดต่อบริการฉุกเฉินได้โดยอัตโนมัติเมื่อผู้ใช้หมดสติหรือไม่สามารถหยิบ iPhone ได้ คุณสมบัติเหล่านี้พัฒนาขึ้นโดยอาศัยส่วนประกอบที่มีอยู่เดิม อย่างบารอมิเตอร์ซึ่งตอนนี้สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของแรงดันในห้องโดยสาร และ GPS ที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงความเร็ว และไมโครโฟน ซึ่งสามารถตรวจจับเสียงดังที่มักเกิดขึ้นจากรถชนรุนแรงได้ด้วย และยังมีอัลกอริทึมการเคลื่อนไหวสุดล้ำที่ออกแบบโดย Apple ซึ่งพัฒนาขึ้นจากข้อมูลการขับขี่และการชนกันที่เกิดขึ้นจริงกว่า 1 ล้านชั่วโมง เพื่อให้มีความแม่นยำมากขึ้น นอกจากนี้เมื่อใช้งานร่วมกับ Apple Watch คุณสมบัติการตรวจจับการชนกันก็สามารถเลือกใช้ประโยชน์จากจุดเด่นเฉพาะตัวของอุปกรณ์ทั้งสองได้อย่างราบรื่นไร้รอยต่อ เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที อย่างเช่น เมื่อตรวจพบเหตุรถชนรุนแรง อินเทอร์เฟซการโทรติดต่อบริการฉุกเฉินจะปรากฏบน Apple Watch เพราะมักเป็นอุปกรณ์ที่อยู่ใกล้ตัวผู้ใช้มากที่สุด ขณะเดียวกันก็จะใช้ iPhone ที่อาจอยู่ในระยะใกล้เคียงในการโทรออกเพื่อการเชื่อมต่อสัญญาณที่ดีที่สุด

กลุ่มผลิตภัณฑ์ iPhone 14 ยังมาพร้อมคุณสมบัติ SOS ฉุกเฉินผ่านดาวเทียม ที่ผสานส่วนประกอบแบบเฉพาะเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับซอฟต์แวร์ เพื่อให้สายอากาศสามารถเชื่อมต่อกับดาวเทียมได้โดยตรง และรองรับการรับส่งข้อความผ่านบริการฉุกเฉินเมื่ออยู่นอกพื้นที่ให้บริการเซลลูลาร์หรือ Wi-Fi ทั้งนี้ดาวเทียมเป็นอุปกรณ์ที่เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลาและมีแบนด์วิดท์ต่ำ ดังนั้นจึงอาจใช้เวลาหลายนาทีในการส่งข้อความ แต่เนื่องจากทุกวินาทีมีความสำคัญ ดังนั้นคุณสมบัติ SOS ฉุกเฉินผ่านดาวเทียมจึงได้เตรียมคำถามสำคัญบางส่วนเอาไว้ใน iPhone ล่วงหน้าเพื่อประเมินสถานการณ์ของผู้ใช้ และแสดงวิธีหัน iPhone ไปในทิศทางที่สามารถเชื่อมต่อกับดาวเทียม จากนั้นก็จะส่งต่อแบบสอบถามเบื้องต้นและข้อความติดตามผลไปยังศูนย์บริการที่มีผู้เชี่ยวชาญซึ่งผ่านการฝึกอบรมจาก Apple ที่สามารถโทรติดต่อขอความช่วยเหลือแทนผู้ใช้ เทคโนโลยีอันสุดล้ำดังกล่าวยังอนุญาตให้ผู้ใช้แชร์ตำแหน่งที่ตั้งได้เองผ่านดาวเทียมด้วยแอปค้นหาของฉันเมื่อไม่สามารถเชื่อมต่อเซลลูลาร์หรือ Wi-Fi โดยมอบความอุ่นใจให้ในยามที่ออกเดินป่าหรือตั้งแคมป์ในพื้นที่อับสัญญาณ ทั้งนี้คุณสมบัติ SOS ฉุกเฉินผ่านดาวเทียมจะพร้อมให้บริการแก่ผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาในเดือนพฤศจิกายน และให้บริการฟรีเป็นเวลา 2 ปี


A16 Bionic ชิปที่เร็วที่สุดในสมาร์ทโฟน

ชิป A16 Bionic ใน iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max ทิ้งห่างคู่แข่งหลายเจเนอเรชั่น และช่วยปลดล็อคประสบการณ์ที่ยากจะหาใครเทียบอย่าง Dynamic Island และแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานตลอดวัน จนถึงความสามารถด้านการประมวลผลภาพถ่ายด้วยคอมพิวเตอร์ที่น่าประทับใจ โดย CPU แบบ 6-core ใหม่มาพร้อมคอร์ประสิทธิภาพสูง 2 คอร์ และคอร์ประหยัดพลังงานสูง 4 คอร์ ซึ่งทำงานได้เร็วขึ้นสูงสุด 40% เมื่อเทียบกับคู่แข่ง ทำให้สามารถรับมือกับงานที่ประมวลผลหนักๆ ได้สบาย และชิป A16 Bionic ยังมาพร้อม GPU แบบ 5-core ที่รวดเร็วยิ่งขึ้นด้วยแบนด์วิดท์หน่วยความจำที่มากขึ้นถึง 50% จึงเหมาะกับเกมและแอปที่เน้นกราฟิก และยังมี Neural Engine แบบ 16-core ใหม่ ที่สามารถประมวลผลได้เกือบ 17 ล้านล้านรายการต่อวินาที ชิปนี้ใช้สถาปัตยกรรมแบบฟิวชั่นที่ดีที่สุดของ Apple เพื่อผสานประสิทธิภาพและการประหยัดพลังงานเข้าด้วยกันอย่างลงตัว จึงมีประสิทธิภาพสูงขึ้นขณะที่ใช้พลังงานเพียงเสี้ยวเดียวเมื่อเทียบกับคู่แข่ง

ชิป A16 Bionic ยังถือเป็นหัวใจสำคัญของระบบกล้องระดับโปร เรียกได้ว่าเป็นขุมพลังเบื้องหลังคุณสมบัติด้านการประมวลผลภาพถ่ายด้วยคอมพิวเตอร์อันน่าทึ่ง โดยทั้ง CPU, GPU, Neural Engine และโปรเซสเซอร์รับสัญญาณภาพจะทำงานร่วมกันอย่างไร้รอยต่อเพื่อให้สามารถรองรับฮาร์ดแวร์กล้องตัวใหม่ และประมวลผลได้สูงสุดถึง 4 ล้านล้านรายการต่อภาพ


ความสามารถด้านเซลลูลาร์และ 5G ที่ทรงพลัง

iPhone ทำให้ผู้ใช้สามารถอัปโหลดและดาวน์โหลดได้เร็วสุดแรง สตรีมได้ลื่นไหลยิ่งขึ้น และสามารถเชื่อมต่อเรียลไทม์ด้วย 5G เพื่อให้ผู้ใช้ติดต่อ แชร์ และสนุกกับคอนเทนต์ได้อย่างต่อเนื่อง8 โดยตอนนี้การรองรับ 5G บน iPhone ได้ขยายครอบคลุมพันธมิตรผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์กว่า 250 ราย ที่อยู่ในตลาดมากกว่า 70 แห่งทั่วโลก พร้อมรองรับการทำงานเพิ่มเติมบนเครือข่ายแบบสแตนอโลนหลายแห่ง นอกจากนี้ eSIM ยังทำให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อหรือถ่ายโอนแผนบริการที่มีอยู่เดิมในแบบดิจิทัลได้สะดวกรวดเร็ว ถือเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าซิมการ์ดปกติทั่วไป และสามารถรองรับแผนบริการเซลลูลาร์ได้หลายรูปแบบบนอุปกรณ์เครื่องเดียว ดังนั้น iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max จึงเลิกใช้ถาดใส่ซิมการ์ดสำหรับรุ่นที่วางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้สามารถตั้งค่าอุปกรณ์ได้อย่างสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

มาพร้อม iOS 16

iOS 16 ออกแบบมาเพื่อใช้ประโยชน์จากความสามารถใหม่ๆ บน iPhone 14 Pro โดยมาพร้อมหน้าจอล็อคที่สร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่ และยังมีคุณสมบัติด้านการติดต่อสื่อสาร การแชร์ และคุณสมบัติอันชาญฉลาดแบบใหม่ ซึ่งร่วมกันเปลี่ยนวิธีที่ผู้ใช้สัมผัสประสบการณ์กับ iPhone โดยหน้าจอล็อคจะมีความเฉพาะตัว สวยงาม และให้ประโยชน์ได้มากขึ้นกว่าที่เคย พร้อมด้วยเอฟเฟ็กต์แบบหลายระดับชั้นที่ทำให้ตัวแบบโดดเด่นอย่างสวยงามอยู่ด้านหน้าเวลาที่แสดงบนหน้าจอ และยังมีวิดเจ็ตที่ออกแบบใหม่ซึ่งให้ข้อมูลภาพรวมโดยคร่าว นอกจากนี้ยังมีแกลเลอรี่ภาพพื้นหลังที่มอบแรงบันดาลใจผ่านหน้าจอล็อค โดยมีตัวเลือกมากมายซึ่งรวมถึงคอลเลกชั่นของ Apple ภาพพื้นหลังสภาพอากาศซึ่งสามารถเห็นสภาวะอากาศแบบสดที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตลอดทั้งวัน และภาพพื้นหลังดาราศาสตร์เพื่อดูโลก ดวงจันทร์ และระบบสุริยจักรวาล ตลอดจนภาพพื้นหลังแบบอื่นๆ อีกมากมาย ตอนนี้ผู้ใช้ยังสามารถแก้ไขหรือเรียกคืนข้อความที่เพิ่งส่งออกไปได้ในแอปข้อความ และทำเครื่องหมายการสนทนาให้เป็นสถานะยังไม่ได้อ่าน เพื่อจะได้ย้อนกลับมาอ่านในภายหลัง ส่วนคลังรูปภาพ iCloud ที่แชร์ก็ทำให้การแชร์คอลเลกชั่นรูปภาพกับครอบครัวกลายเป็นเรื่องที่สุดง่ายดายกว่าที่เคย ด้านคุณสมบัติข้อความในภาพก็มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยความสามารถในการตรวจจับข้อความในวิดีโอ และสามารถแปลงสกุลเงิน แปลข้อความ ทั้งยังทำสิ่งอื่นได้อีกมากมายอย่างรวดเร็ว และคุณสมบัติค้นดูจากภาพก็มีความสามารถใหม่ที่อนุญาตให้ผู้ใช้แตะตัวแบบในภาพค้างไว้ แล้วยกออกจากพื้นหลังเพื่อนำไปวางในแอปอื่นๆ เช่น แอปข้อความ

ราคาและความพร้อมในการวางจำหน่าย

iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max มีให้เลือกทั้งสีม่วงเข้ม สีเงิน สีทอง และสีดำสเปซแบล็ค โดยมีความจุในการจัดเก็บข้อมูลให้เลือกทั้ง 128GB, 256GB, 512GB และ 1TB
สามารถสั่งซื้อล่วงหน้าได้ตั้งแต่เวลา 19:00 น. ตามเวลาในประเทศไทย ของวันศุกร์ที่ 9 กันยายน และจะวางจำหน่ายในวันศุกร์ที่ 16 กันยายน ในราคาเริ่มต้น 41,900 บาท สำหรับ iPhone 14 Pro และราคา 44,900 บาท สำหรับ iPhone 14 Pro Max

ใหม่กว่า เก่ากว่า