NEOM และ McLaren Racing ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมและพัฒนาผู้มากความสามารถในวงการมอเตอร์สปอร์ตไฟฟ้า ผนึกกำลังกันเป็น NEOM McLaren Electric Racing


นิอุม (NEOM) ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับแมคลาเรน เรซซิ่ง (McLaren Racing) เพื่อเป็นพันธมิตรหลักของทีมแข่งรถแมคลาเรน ฟอร์มูลา อี (Formula E) และเอ็กซ์ตรีม อี (Extreme E) ซึ่งถือเป็นการรวมสองซีรีส์การแข่งขันรถพลังงานไฟฟ้าเข้าด้วยกันเป็นครั้งแรก ภายใต้ชื่อ 'นิอุม แมคลาเรน อิเลคทริค เรซซิ่ง' (NEOM McLaren Electric Racing)

นัธมี อัลนัสเซอร์ ( Nadhmi Al-Nasr) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของนิอุม กล่าวถึงความร่วมมือครั้งนี้ว่า "การเป็นหุ้นส่วนระหว่างเรากับแมคลาเรน เรซซิ่ง ช่วยเติมเต็มความมุ่งมั่นของนิอุมในการขับเคลื่อนโซลูชันที่ยั่งยืน และรับมือกับความท้าทายที่เร่งด่วนที่สุดของสังคม การเป็นหุ้นส่วนจะช่วยให้เราสามารถแบ่งปันทรัพยากรและประสบการณ์โดยรวมของเรา เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าตื่นเต้น ไม่เพียงแค่กับองค์กรของเราเท่านั้น แต่ยังรวมถึงอุตสาหกรรมยานยนต์และกีฬาในวงกว้างอีกด้วย นิอุมคือเครื่องยนต์เศรษฐกิจของราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย และจะเป็นศูนย์กลางสำหรับธุรกิจที่มีความล้ำหน้าอย่างแมคลาเรน เรซซิ่ง ในการวิจัยข้ามอุตสาหกรรม บ่มเพาะ ร่วมมือ และนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ ๆ สู่โลก"

แมคลาเรนจะร่วมมือกับนิอุมในหลาย ๆ ด้าน โดยจะเป็นพันธมิตรผู้ก่อตั้งอ็อกซากอน (OXAGON) ซึ่งเป็นเมืองในนิอุม ที่ถูกกำหนดให้เป็นพิมพ์เขียวสำหรับอนาคตของอุตสาหกรรมขั้นสูงและสะอาด รวมทั้งเป็นศูนย์กลางนวัตกรรม โดยแมคลาเรนจะอยู่ภายในศูนย์วิจัยและนวัตกรรมของอ็อกซากอน ซึ่งได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกระดับนานาชาติอย่างกริมชอว์ (Grimshaw) ซึ่งทางศูนย์จะจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยและพื้นที่ความร่วมมือ เร่งแนวคิดจากห้องปฏิบัติการสู่ตลาด เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมและผลิตภัณฑ์แห่งอนาคต

แซค บราวน์ ( Zak Brown) ซีอีโอของแมคลาเรน เรซซิ่ง กล่าวว่า "เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับนิอุมสู่ครอบครัวแมคลาเรน เรซซิ่ง นี่เป็นหนทางอันน่าทึ่งในการเริ่มเข้าสู่ฟอร์มูลา อี และการรวมซีรีส์การแข่งรถพลังงานไฟฟ้าของเราเข้าด้วยกัน เราตื่นเต้นที่จะได้เปิดตัวนิอุม แมคลาเรน อิเลคทริค เรซซิ่ง และทำงานร่วมกับนิอุม ในการฟูมฟักผู้มีความสามารถและขับเคลื่อนนวัตกรรม การทำงานร่วมกับอ็อกซากอนจะช่วยให้เรามีบทบาทสำคัญได้ผ่านโปรแกรมบ่มเพาะของเรา และช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมให้ล้ำหน้าและสะอาด"

นอกจากนี้ แมคลาเรนจะถ่ายทอดความเชี่ยวชาญด้านดิจิทัลและการวิเคราะห์ ในฐานะพันธมิตรด้านเทคนิคของระบบนิเวศการผลิตขั้นสูงและสะอาดของอ็อกซากอน ผ่านโปรแกรมบ่มเพาะที่ออกแบบเฉพาะ ซึ่งนำข้อมูลจากการดำเนินงานไปแปลเป็นวัฒนธรรมและความคิดของพันธมิตรได้

อีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญของความร่วมมือนี้จะเปิดตัวในปี 2566 เมื่อแมคลาเรนและนิอุมสร้างโปรแกรมเพื่อพัฒนาวิศวกรและนักศึกษา เพื่อให้สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของนิอุมในการพัฒนาบุคลากรที่มีความสามารถของซาอุดีอาระเบีย โดยผู้สำเร็จการศึกษาชาวซาอุฯ 20 คนจากหลักสูตรบัณฑิตศึกษาของนิอุม จะได้ทำงานกับแมคลาเรน เรซซิ่ง เป็นเวลา 1 ปี ที่แมคลาเรน เทคโนโลยี เซ็นเตอร์ (McLaren Technology Center) ในสหราชอาณาจักร โดยโครงการ "เดอะ แมคลาเรน เวย์" (The McLaren Way) จะช่วยปลดล็อกประสิทธิภาพและศักยภาพของทีมนิอุมทั้งหมดผ่านโครงการริเริ่มต่าง ๆ

ความร่วมมือนี้เป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของนิอุม ในการบรรลุเป้าหมายที่ยั่งยืนในวงการมอเตอร์สปอร์ต ทั้งฟอร์มูลา อี และเอ็กซ์ตรีม อี ที่การแข่งขันทั้งสองรูปแบบสร้างความตื่นตาตื่นใจไปทั่วโลก โดยเป็นการต่อยอดความสำเร็จของความสัมพันธ์กับเมอร์ซิเดส-อีคิว ฟอร์มูลา อี (Mercedes-EQ Formula E) ทีมนิอุม แมคลาเรน ฟอร์มูลา อี จะถูกจัดตั้งขึ้นผ่านการเข้าซื้อกิจการทีมเมอร์ซิเดส-อีคิว ฟอร์มูลา อี ที่คาดว่าจะเสร็จสิ้นในปลายปีนี้ ซึ่งทีมระดับแชมป์รายนี้จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวรถแข่งแมคลาเรน

นิอุมยังเป็นสนามแข่งขันนัดเปิดฤดูกาลที่สองของเอ็กซ์ตรีม อี ซึ่งจัดขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาด้วย การแข่งขันดังกล่าวได้ช่วยสร้างความตระหนักถึงความท้าทายที่ต้องเผชิญจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ รวมถึงความจำเป็นในการพัฒนาเทคโนโลยีมอเตอร์สปอร์ตที่ยั่งยืนในภูมิภาคต่อไป

ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียลงทุนอย่างมากในแพลตฟอร์มมอเตอร์สปอร์ตในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยกระทรวงกีฬาได้ลงนามข้อตกลงในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันทั้งฟอร์มูลา อี, เอ็กซ์ตรีม อี, ฟอร์มูลา วัน และดาการ์ แรลลี

ใหม่กว่า เก่ากว่า