Banpu NEXT แนะ 5 เทรนด์ พลิกโฉมสู่ Smart Factory ใช้เทคโนโลยี-โซลูชันอัจฉริยะ ลดต้นทุนระยะยาว สร้างอีโคซิสเต็มครบวงจร

บ้านปู เน็กซ์ แนะ 5 เทรนด์การใช้เทคโนโลยี-โซลูชันอัจฉริยะที่ผู้ประกอบการภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมยุคใหม่ต้องมี และควรนำไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินงานตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อยกระดับและเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน ลดต้นทุนในระยะยาว สร้างการเติบโตที่ยั่งยืน พร้อมทรานส์ฟอร์มธุรกิจให้สมาร์ท ก้าวสู่นิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ 4.0 (Smart Eco 4.0) และโรงงานอัจฉริยะ (Smart Factory) พาธุรกิจพร้อมรับมือได้ทุกสถานการณ์

นายชนิต สุวรรณพรินทร์ ผู้อำนวยการอาวุโส - บริหารการตลาดและการขาย บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด กล่าวว่า การดิสรัปชันของเทคโนโลยี (Technology Disruption) ภาวะโลกร้อน วิกฤติโควิด-19 และการขาดแคลนแรงงาน ล้วนเป็นตัวเร่งให้ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรม นำเทคโนโลยีและโซลูชันอัจฉริยะมาขับเคลื่อนการดำเนินงานให้แข็งแกร่งในทุกมิติ ซึ่งสอดคล้องกับรายงานของศูนย์วิจัยกสิกรไทยที่คาดการณ์ว่า ในปี 2565 ตลาดโซลูชันโรงงานอัจฉริยะไทย (Smart Factory Solutions: SFS) จะมีแนวโน้มเติบโต 9.4%* ซึ่งเทคโนโลยีและโซลูชันอัจฉริยะจะเป็นกุญแจสำคัญในการช่วยสร้างอีโคซิสเต็มสู่การเป็น Smart Eco 4.0 และ Smart Factory ยกระดับกระบวนการผลิตและบริหารจัดการโรงงานอย่าง ครบวงจร โดยมี 5 เทรนด์ตัวอย่างการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและโซลูชันอัจฉริยะเข้ากับกระบวนการต่าง ๆ ดังนี้  


  • เทรนด์การผลิตอัจฉริยะ (Smart Operation) เพิ่มขีดความสามารถและประสิทธิภาพในการผลิตให้สูงขึ้น โดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตอุตสาหกรรมในโรงงาน (Industrial Internet) เช่น หุ่นยนต์ แขนกล ระบบอัตโนมัติ และเซ็นเซอร์ ผสานการทำงานคู่กับ AI, IoT หรือระบบคลาวด์ เพื่อเชื่อมต่อเครื่องจักรในโรงงานเข้ากับฐานข้อมูล และพนักงาน ให้สามารถควบคุม สั่งการ รวมถึงสื่อสารและทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทุกที่ทุกเวลา ทั้งยังสามารถนำ Big Data มาวิเคราะห์กระบวนการผลิต คาดการณ์จำนวนวัตถุดิบ และตรวจสอบประสิทธิภาพเครื่องจักร เป็นต้น
  • เทรนด์การจัดการพลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy) ใช้เทคโนโลยีและดิจิทัลแพลตฟอร์มมาตรวจติดตาม ประเมิน และวิเคราะห์การใช้พลังงานและเครื่องใช้ไฟฟ้า เพื่อปรับแนวทางการใช้พลังงานในโรงงานให้คุ้มค่า รวมถึงนำเทคโนโลยีพลังงานฉลาดมาเสริมประสิทธิภาพการใช้ไฟฟ้า ลดการปล่อย CO2 และลดค่าไฟฟ้าได้มหาศาล เช่น ติดตั้ง “ระบบโซลาร์” เพื่อผลิตไฟฟ้าไว้ใช้เสริมจากพลังงานหลัก ทั้งยังสามารถติดตั้งอุปกรณ์เสริมอย่าง “ระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้า” เพื่อเพิ่มเสถียรภาพของไฟฟ้า และกักเก็บไฟฟ้าไว้ใช้ดำเนินงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับโรงงานที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ไฟฟ้าให้มีเสถียรภาพยิ่งขึ้น เพื่อการดำเนินกิจการได้ต่อเนื่องไม่มีสะดุด “ระบบไมโครกริด” ก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่สามารถผลิต กักเก็บ และจ่ายไฟฟ้าภายในระบบเดียวแบบครบวงจร โดยเทคโนโลยีพลังงานเหล่านี้สามารถมอนิเตอร์การทำงานผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มได้แบบเรียลไทม์
  • เทรนด์การเดินทางและขนส่งอัจฉริยะ (Smart Mobility) นำระบบขนส่งแบบครบวงจร (Fleet Management) และยานพาหนะไฟฟ้ามาใช้งานภายในโรงงาน อาทิ การเดินทาง เคลื่อนย้ายสินค้าในโกดัง ขนส่งสินค้าภายนอกโรงงาน เป็นต้น โดยมีดิจิทัลแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชัน มอนิเตอร์การเดินทาง สมรรถนะเครื่องยนต์ รวมถึงแจ้งเตือนเหตุขัดข้องแบบเรียลไทม์ 
  • เทรนด์ความปลอดภัยอัจฉริยะ (Smart Security) นำสมาร์ทเซฟตี้ แพลตฟอร์ม (Smart Safety Platform) ที่มีระบบ CCTV และ AI เข้ามาดูแลความปลอดภัยรอบด้านให้โรงงาน ซึ่งสามารถค้นหาวัตถุ หรือผู้ต้องสงสัย ตรวจจับควันไฟ คัดกรองโควิด-19 เพื่อการเฝ้าระวัง แจ้งเตือน และสั่งการได้แบบเรียลไทม์ 
  • เทรนด์การจัดการและหมุนเวียนขยะ (Waste Management) เปลี่ยนการทิ้งขยะเป็นการจัดการขยะอย่างมีระบบภายในโรงงาน ด้วยการนำดิจิทัลแพลตฟอร์มมาบริหารจัดการขยะแบบครบวงจร ตั้งแต่การคัดแยกขยะและวัสดุเหลือใช้ บันทึกและวิเคราะห์ข้อมูล วางแผนส่งต่อไปดำเนินการอย่างเหมาะสม เช่น นำกลับไปใช้ใหม่ สร้างประโยชน์ หรือสร้างรายได้คืนให้ธุรกิจ

การใช้เทรนด์เทคโนโลยีข้างต้น สามารถสร้างประโยชน์ให้ธุรกิจได้หลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็น สร้างความคุ้มค่าระยะยาว ลดต้นทุนค่าไฟฟ้า การใช้แรงงาน และทรัพยากร เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ทั้งด้านปริมาณ ความเร็ว ความแม่นยำ คุณภาพในการผลิต และการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า ต่อยอดธุรกิจ นำข้อมูลเชิงลึกจากระบบต่างๆ ไปพัฒนาการดำเนินงานให้ดียิ่งขึ้น เพิ่มความปลอดภัย ลดโอกาสในการเกิดอุบัติภัยในโรงงาน ลดความเสี่ยงโควิด-19 สร้างความยั่งยืนรอบด้าน ลดการปล่อย CO2 การใช้พลังงานและทรัพยากรเกินจำเป็น สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้ทุกคน และ เพิ่มมูลค่าธุรกิจ ส่งเสริมภาพลักษณ์ธุรกิจที่ดำเนินงานยั่งยืนตามหลัก ESG สามารถยกระดับสู่ต้นแบบนิคมฯ และโรงงานอัจฉริยะ

“การเตรียมตัวสู่ Smart Eco 4.0 และ Smart Factory ผู้ประกอบการควรประเมิน Pain point ความต้องการ ต้นทุน และปัจจัยต่างๆ เลือกผู้ให้บริการโซลูชันอัจฉริยะที่ตอบโจทย์ มีประสบการณ์ มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญและบริการที่ครบวงจร โดยบ้านปู เน็กซ์ มีโซลูชันอัจฉริยะที่หลากหลาย อาทิ โซลูชันฉลาดวิเคราะห์และการจัดการพลังงาน, ระบบโซลาร์, ระบบไมโครกริด, บริการระบบสัญจรทางเลือกแบบครบวงจรของยานพาหนะไฟฟ้า , สมาร์ทเซฟตี้ แพลตฟอร์ม ฯลฯ ซึ่งทุกบริการมีดิจิทัลแพลตฟอร์ม และแอปฯ ที่สามารถควบคุม สั่งการ และมอนิเตอร์การทำงานได้เรียลไทม์ โดยโซลูชันเหล่านี้เป็นเสมือนจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่สามารถเติมเต็ม และพัฒนาโรงงาน และนิคมฯ ให้สมาร์ท เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และยั่งยืนยิ่งขึ้น” นายชนิต กล่าวสรุป

ผู้ประกอบการธุรกิจที่สนใจ โซลูชันพลังงานฉลาดเพื่อความยั่งยืน และโซลูชันอัจฉริยะต่าง ๆ ของบ้านปู เน็กซ์ สามารถลงทะเบียนได้ที่ https://cutt.ly/BanpuNEXT-SmartFactory หรือสอบถาม call center 02-095-6599
ใหม่กว่า เก่ากว่า