Modernform Health & Care เผย รพ.มะเร็งชีวามิตราพร้อมรับผู้ป่วยในประเทศ หลังผ่อนคลายมาตรการคุมโควิด


โมเดอร์นฟอร์มเฮลท์แอนด์แคร์ บริษัทในกลุ่ม MODERN เผย โรงพยาบาลมะเร็งชีวามิ โรงพยาบาลเอกชนเฉพาะทางโรคมะเร็งแห่งแรกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  พร้อมรับผู้ป่วยในประเทศจากจังหวัดใกล้เคียงและกรุงเทพมหานคร หลังผ่อนคลายมาตรการคุมโควิด ชูจุดเด่นบริการ และเทคโนโลยีทันสมัย โดยบุคลากรผู้ชำนาญการ สถานที่ให้บริการสะอาดปลอดภัย มีมาตรฐานระดับสากล ด้วยแนวทางการรักษาควบคู่แผนปัจจุบันและแพทย์ทางเลือก กัญชาทางการแพทย์ แพทย์แผนจีนและแพทย์แผนไทย โดยเน้นการรักษาแบบยึดผู้ป่วย เป็นศูนย์กลาง 


นายทักษะ บุษยโภคะ ประธานกรรมการ บริษัท โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MODERN เปิดเผยว่า ภายหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ประชาชนในประเทศได้รับวัคซีนป้องกันไวรัสเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และรัฐบาลทยอยผ่อนคลายมาตการคุมโควิด-19 ส่งผลให้การเดินทางข้ามจังหวัดเป็นไปได้ง่ายและสะดวกขึ้น ทางโรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตรา โรงพยาบาลเอกชนเฉพาะทางโรคมะเร็งแห่งแรกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ธุรกิจในเครือโมเดอร์นฟอร์ม เฮลท์แอนด์แคร์ ซึ่งมีจุดเด่นในด้านการดูแลรักษาผู้ป่วยด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยเทียบเท่าโรงพยาบาล ขนาดใหญ่ในกรุงเทพมหานคร ได้เตรียมความพร้อมในทุก ๆ ด้าน ทั้งในด้านบุคลากรผู้ชำนาญการ เทคโนโลยี การรักษาที่ทันสมัยมาตรฐานระดับสากล การรักษาด้วยแพทย์แผนปัจจุบันควบคู่กับการรักษา แผนทางเลือกควบคู่กัน สำหรับการให้บริการรองรับผู้ป่วยในประเทศ โดยเฉพาะจังหวัดใกล้เคียง อาทิ ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ ยโสธร อำนาจเจริญ สุรินทร์ มหาสารคาม มุกดาหาร นครพนม รวมไปถึงผู้ป่วยจากกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และจังหวัดอื่น ๆ ที่สามารถเดินทางด้วยเครื่องบินได้สะดวก ประกอบกับธุรกิจด้านการแพทย์เป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีโอกาสเติบโต เนื่องจากคนส่วนใหญ่หันมาให้ความสำคัญกับการดูแลใส่ใจสุขภาพ เพิ่มสูงขึ้นโดยเฉพาะหลังจากผ่านวิกฤตเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้งนี้ ปัจจุบันโรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตรามีสัดส่วนผู้ป่วยในจังหวัดมาใช้บริการ 79.30% และเป็นผู้ป่วยจากนอกพื้นที่ ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ 20.70% โดยคาดการณ์ว่าหลังการผ่อนคลายมาตรการคุมโควิดในประเทศ จะมีสัดส่วนผู้ป่วยจากนอกพื้นที่มาใช้บริการจะเพิ่มขึ้นเป็น 40%


นายแพทย์ธนุตม์ ก้วยเจริญพานิชก์ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตรา กล่าวเสริมว่า รพ. ชีวามิตรา ได้เตรียมความพร้อมสำหรับการให้บริการผู้ป่วยในประเทศครบทุกด้านอย่างเต็มกำลัง ประกอบด้วยมีการเตรียมความพร้อมของแพทย์ผู้ชำนาญการ (Medical Specialists) เพื่อให้บริการดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด โดยบุคลากรทั้งหมดของโรงพยาบาลได้รับวัคซีนโควิด-19 ครบ 100% เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ ด้วยระบบเวชทะเบียนอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Medical Record) การนัดหมายผู้ป่วยอย่างเป็นระบบ รวดเร็ว ไม่ต้องคอยนาน มีบริการตรวจคัดกรองมะเร็งด้วยการตรวจแบบ Genetic Test คัดกรองความเสี่ยงยีนส์มะเร็ง เพื่อประเมินความเสี่ยงและวางแนวทางในการดูแลสุขภาพ การตรวจ Liquid Biopsy นวัตกรรมตรวจวิเคราะห์มะเร็งจากเลือด เป็นทางเลือกสำหรับผู้ป่วยที่มีข้อจำกัด ในการตัดชิ้นเนื้อ เพื่อตรวจหามะเร็งหรือผู้ป่วยที่กลับมาเป็นมะเร็งซ้ำอย่างเต็มความสามารถ


โรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตราใช้เทคโนโลยีการรักษาที่ทันสมัย อาทิ เครื่องฉายรังสีเร่งอนุภาค ลดระยะเวลาการฉายรังสีให้สั้นลง โดยใช้เวลาเพียง 3-5 นาที CT Simulator ช่วยวางแผนและจำลอง การรักษาทางรังสีรักษาได้แม่นยำ ลดผลกระทบต่ออวัยวะข้างเคียงด้วยระบบ คอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ ยังมีการรักษามะเร็งด้วยความร้อน โดยการเพิ่มอุณหภูมิไปเฉพาะก้อนมะเร็ง เพื่อให้มะเร็งแบ่งตัวช้าลง และการบำบัดในรูปแบบของเคมีบำบัด ภูมิคุ้มกันบำบัด และยาพุ่งเป้า ทั้งยังมีการรักษาแบบแผนทางเลือก ประกอบด้วย กัญชาทางการแพทย์ (Medical Cannabis) แพทย์แผนจีน (Traditional Chinese Medicine) แพทย์แผนไทย (Thai Traditional Medicine) โภชนาการและโภชนบำบัด (Nutrition and Diet Therapy) และยังมีบริการ Telemedicine เพื่อบริการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ผ่าน VDO Call สำหรับผู้ป่วยและญาติ ให้สามารถปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิดได้ทุกที่ทุกเวลา ช่วยลดภาระการเดินทางกรณีที่ไม่จำเป็น โดยการดูแลและวางแผนการรักษาทุกขั้นตอนของรพ. ด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและสหสาขาวิชาชีพอย่างใกล้ชิด ภายใต้แนวทางการรักษาที่ "ยึดผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง" มุ่งให้การดูแลรักษาผู้ป่วยทั้งในด้านร่างกายและจิตใจ ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และรพ.ยังเป็นคู่สัญญาบริษัทประกันชั้นนำ รองรับสิทธิข้าราชการ และธนาคารเพื่อการเกษตรแสะสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่ออำนวยการรักษาให้แก่ผู้ป่วยอีกด้วย


“ในด้านมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ของ รพ. ยังคงเป็นไปอย่างรัดกุม ผู้เดินทาง มาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จะต้องมีการ Swab ก่อนล่วงหน้าไม่เกิน 72 ชั่วโมงและมีผลตรวจเป็นลบ งดเยี่ยม และจำกัดผู้ดูแลประจำ 1 คน ต่อ 1 ราย บุคลากรทางการแพทย์ยึดหลัก D-M-H-T-T เว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์สม่ำเสมอ เนื่องด้วย รพ.ให้ความสำคัญกับความปลอดภัย ของผู้เข้ารับบริการ ทั้งผู้ป่วย ญาติ และบุคลากรโรงพยาบาลเป็นสำคัญ“ นายแพทย์ธนุตม์กล่าวทิ้งท้าย

ใหม่กว่า เก่ากว่า