ในงานแถลงการณ์รายได้ไตรมาสที่ 3 ของบริษัทเมื่อเช้าวานนี้ บริษัท เดอะ วอลท์ ดิสนีย์ ได้ประกาศว่าบริการสตรีมมิ่ง Disney+ ที่คนทั่วโลกตั้งตารอจะเปิดตัวในเกาหลีใต้ ฮ่องกง และไต้หวัน ในเดือนพฤศจิกายน 2564 รวมถึง Disney+ ในญี่ปุ่น จะมีการเปิดตัวคอนเทนท์บันเทิงเพิ่มเติมอีกมากมาย ในช่วงเดือนตุลาคม 2564 ที่กำลังจะถึงนี้
บริการสตรีมมิ่งของดิสนีย์ได้เปิดให้บริการแล้วในออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, ญี่ปุ่น, สิงคโปร์, อินเดีย, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย และประเทศไทย
Luke Kang ประธานบริษัท เดอะ วอลท์ ดิสนีย์ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ได้กล่าวว่า “การตอบรับของ Disney+ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคนั้นเกินที่เราคาดหมายไว้อย่างมาก ในยุคที่ผู้บริโภคมองหาความบันเทิงที่หลากหลาย และผู้บริโภคเหล่านี้ก็ให้ความสนใจในแบรนด์และเฟรนไชส์ต่างของทางดิสนีย์ และเรารู้สึกปลาบปลื้มที่ได้เห็นการเติบโตของยอดสมัครใช้บริการ รวมถึงการร่วมมือต่างๆ และเราหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าอีกมากมายในภูมิภาคนี้ ผ่านการเล่าเรื่องอันยอดเยี่ยม ความคิดสร้างสรรค์อันเป็นเลิศคลังคอนเทนท์อันล้ำยุคของเรา”
ในประเทศไทย บริการสตรีมมิ่งนั้นเป็นแอพที่มียอดดาวน์โหลดสูงสุดตั้งแต่วันเปิดตัว ในวันที่ 30 มิถุนายน 2564 ในขณะที่ในอินโดนีเซียและมาเลเซีย ตัวแอพก็ได้เป็นแอพ SVOD (subscription video on demand) ที่มียอดดาวน์โหลดสูงสุดเช่นเดียวกัน
Disney+ ได้นำเสนอคอนเทนท์ภาพยนตร์และซีรีส์มากมายทั้งจากแบรนด์ดิสนีย์, พิกซาร์, มาร์เวล, สตาร์ วอร์ส, เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก และสตาร์ ที่ได้รวบรวมคอนเทนท์มากมายทั้งภายในประเทศและระดับภูมิภาคเข้าไว้ด้วยกัน บริการสตรีมมิ่งนี้ยังเป็นแหล่งเสพคอนเทนท์ออริจินัลจากทาง Disney+ ด้วย ยกตัวอย่างเช่น
- ซีรีส์จากมาร์เวล สตูดิโอส์ อย่าง WandaVision, Loki และ The Falcon and The Winter Soldier
- ซีรีส์จากจักรวาล สตาร์ วอร์ส อย่าง The Mandalorian
- ภาพยนตร์จากดิสนีย์และพิกซาร์อย่าง Luca สารคดีจากแนชั่นแนลจีโอกราฟฟิกอย่าง Secrets of The Whales รวมถึงภาพยนตร์ออริจินัลอย่าง Hamilton และอื่นๆอีกมากมาย
ในขณะที่คอนเทนท์ของ Star ก็ได้น าเสนอความบันเทิงระดับภูมิภาคที่ให้ผู้บริโภคได้สตรีมได้มากกว่าหลายพันชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนท์ยอดนิยมหรือคอนเทนท์ออริจินัลใหม่ๆ Disney+ ได้เปิดให้บริการแล้วทั้งหมด 61 ประเทศ และ 21 ภาษา ทั่วทั้งอเมริกาเหนือ ยุโรป เอเชียแปซิฟิค และละตินอเมริกา
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปิดตัวในเกาหลีใต้ ฮ่องกง และไต้หวัน รวมถึงการขยายบริการในญี่ปุ่นได้เร็วๆนี้