Asus เปิดตัว ROG Phone 5 สานต่อเกมมิ่งโฟนที่ดีที่สุดตลอดกาลด้วยขุมพลัง Snapdragon 888 แรมสูงสุด 18GB และเพิ่มความโปรกว่ามนการเล่นเกมด้วยแตะด้านหลังเครื่อง


สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ผู้ที่ยืนอยู่จุดสูงสุดของการเล่นเกม ณ เวลานี้ยังไงก็ต้องยกให้ ROG Phone ที่ออกแบบมาเพื่อการเล่นเกมจริง ทั้งหน้าจอที่ไม่มีติ่งหรือรู พร้อมของจอเพื่อเป็นที่พักมือชั้นดีในเวลาเล่นเกม รวมไปถึงระบบความร้อนขั้นเทพ ไม่ต้องกลัวว่าเล่นแค่ไหนแล้วเฟรมจะตกลง และอุปกรณ์เสริมที่เพรียบพร้อมที่สุดสำหรับเกมเมอร์ตัวจริง 


โดยในวันนี้ Asus เปิดตัว ROG Phone 5 ซีรีย์อย่างเป็นทางการ พร้อมให้เหล่าเกมเมอร์เลือกได้มากถึง 3 รุ่นคือ ROG Phone 5, ROG Phone 5 Pro และ ROG Phone 5 Ultimate
 

ทั้ง 3 รุ่นมาพร้อมกับหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.78" ความละเอียด Full HD ในอัตราส่วน 20.4:9 ความสว่างสูงสุด 800 nits รองรับ HDR10+ มาตรฐานสี DCI-P3 111% , sRGB 150.89% พร้อมรีเฟรชเรตสูงสุดถึง 144Hz 

ROG Phone 5 ซีรีย์มาพร้อมขุมพลัง Snapdragon 888 สำหรับรุ่นเริ่มต้นมีให้เลือก 3 แบบคือ แรม 8GB เนื้อที่ 128GB / แรม 12GB เนื้อที่ 256GB / แรม 16GB เนื้อที่ 512GB 

ในส่วนของรุ่น ROG Phone 5 Pro มาพร้อมแรม 16GB เนื้อที่ 512GB และสำหรับรุ่น ROG Phone 5 Ultimate มาพร้อมแรม 18GB เนื้อที่ 512GB 

ROG Phone 5 ซีรีย์ มีแบตเตอรี่ความจุ 3,000 mAh 2 เซลล์ ทำให้แบตเตอรี่รวมกัน 6,000 mAh ชาร์จไวสูงสุด 65W โดยการแบ่งแบตเตอรี่เป็น 2 เซลล์นั้นช่วยเรื่องของการจัดการความร้อนของแบตเตอรี่ และการเสื่อมสภาพได้เป็นอย่างดี

กล้องของ ROG Phone 5 ซีรีย์จัดเต็มในระดับเรือธงด้วยกล้องหลัง 3ระยะ ความละเอียดสูงสุด 64MP f/1.8  และอัลตร้าไวด์ 13MP f/2.4 กว้าง 125 องศา และมาโคร 5MP f/2.0 รองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุด 8K และ สโลโมชั่นความละเอียดสูงสุด 4K 120fps พร้อมกล้องหน้าความละเอียด 24MP f/2.4 แบบ 4 in 1 pixel binning เพื่อการเก็บแสงที่ดีที่สุดทำให้สามารถถ่ายภาพความละเอียด 6MP ที่เน้นการเก็บแสงได้เป็นอย่างดี

ในด้านของเสียงบน ROG Phone 5 ซีรีย์อัดแน่นยิ่งกว่าเดิมเพราะ มีทั้งลำโพงคู่กับพอร์ต 3.5 มม. และหัวใจหลักเป็น Cirrus Logic CS35L45 Mono AMP ที่ปรับแต่งพิเศษโดย Dirac หรือจะเป็นด้านไมโครโฟนที่เหนือชั้นกว่าด้วยไมโครโฟน 4 ตัวทำงานด้วยเทคโนโลยี OZO noise reduction จาก Nokia

สำหรับการเล่นให้โปรด้วย Air Trigger สำหรับการสั่งงานตรงขอบเครื่อง และโปรยิ่งขึ้นกว่าเดิมในรุ่น Ultimate Edition ด้วย Rear Touch สำหรับการแตะด้านหลังเพื่อเพิ่มความโปรในการเล่นเกม

ถ้ายังเย็นไม่พอ ไม่ต้องกลัวเพราะอุปกรณ์เสริมที่เป็นหัวใจหลัก Aero Case ช่วยลดอุณหภูมิเครื่องระหว่างการเล่นได้สูงถึง 15 องศา และลดอุณหภูมิของ SoC ได้สูงถึง 10 องศา 

และอุปกรณ์เสริมอีกมากมายเพื่อจริงจังเกมเมอร์โดยเฉพาะที่ไม่ควรพลาด

สำหรับราคาจำหน่ายรุ่นเริ่มต้นในต่างประเทศอยู่ที่ $950 ประมาณ 29,000 บาท ก็ต้องมาลุ้นไปด้วยกันว่าเมื่อเข้าไทยแล้วจะมีราคาอยู่ที่เท่าใดและจะเปิดตัวในไทยเมื่อไหร่ 


รับชมงานเปิดตัวได้ที่ด้านล่างนี้เลยครับ



ใหม่กว่า เก่ากว่า