ในช่วงฤดูฝนเช่นนี้ เครื่องอบผ้าเป็นอีกหนึ่งตัวช่
- ติดตั้งเครื่องอบผ้าโดยเว้
นระยะห่างจากผนัง 30-50 ซม. เพื่อเว้นพื้นที่ให้ อากาศสามารถถ่ายเทได้ดี ป้องกันการเกิดปัญหาอุณหภูมิ ของเครื่องอบผ้าร้อนจัดเกิ นไปขณะทำงาน - แยกผ้าต่างประเภทออกจากกัน เช่น ผ้าเนื้อบางและผ้าเนื้อหนา เนื่องจากระยะเวลาในการอบผ้าต่
างกัน และใช้โปรแกรมอุณหภูมิความร้ อนในการอบต่างกัน เช่น การอบผ้าเนื้อบางควรใช้อุณหภูมิ ความร้อนที่น้อยกว่าการอบผ้าเนื้ อหนา เป็นต้น - ไม่ใส่ผ้าเยอะเกินไปจนแน่นถังอบ เพราะจะทำให้เครื่องอบผ้
าทำงานหนักจนเกินไป และควรใส่ลงไปในเครื่องอบผ้าที ละชิ้นแทนที่จะใส่พร้อมกั นในคราวเดียว เพื่อลดปัญหาผ้าพันกันระหว่ างการอบผ้า - อ่านคำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลผ้
าบนฉลากของเสื้อผ้า ตรวจสอบฉลากคำแนะนำการดูแลผ้าว่ าเหมาะสมกับการนำไปอบหรือไม่ เพื่อป้องกันการหดตัวหรือเกิ ดความเสียหายกับเสื้อผ้า โดยเฉพาะเนื้อผ้าที่มี ความบอบบางเป็นพิเศษ เช่น ผ้าไหม ผ้าขนสัตว์ เป็นต้น - เลือกโปรแกรมให้เหมาะสมกับชนิ
ดของผ้า นอกจากการแยกผ้าตามชนิดแล้ว ควรเลือกโปรแกรมการอบให้ เหมาะสมกับชนิดผ้านั้นๆ เพื่อป้องกันการชำรุดหรื อความเสียหายต่างๆ ที่เกิดจากระดับความร้อนที่ใช้ ในการอบผ้า - ใช้ชั้นวาง Rack Dry ในการอบผ้าเนื้อบาง ซึ่งเป็นการอบผ้าด้วยการผึ่งเสื้
อผ้าไว้บนชั้นวางที่เป็นพื้ นราบโดยไม่ใช้การปั่น เหมาะแก่การอบผ้าที่มีผ้าเนื้ อบาง เช่น ชุดชั้นใน เป็นต้น
อีกปัจจัยที่ไม่ควรมองข้ามคื
- ทำความสะอาดแผ่นกรองใยผ้าหลั
งใช้งาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดระยะเวลาและการใช้พลั งงานในการอบผ้า - เทน้ำในช่องเก็บน้ำทิ้งทุกครั้
งหลังใช้งาน หรือเมื่อเครื่องมีสัญญาณไฟเตื อนให้เทน้ำออก โดยควรเทน้ำในช่องเก็บน้ำ ออกภายในเวลา1 ชั่วโมง - เช็ดทำความสะอาดเซ็นเซอร์วั
ดความชื้น โดยใช้ฟองน้ำชนิดหยาบและหลีกเลี่ ยงการใช้วัสดุขัดถู เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการอบผ้ าและลดการสะสมของตะกรันหินปู นบนผิวหน้าของเซ็นเซอร์ - ทำความสะอาดตะแกรงช่องอากาศเย็น 3-4 ครั้งต่อปี เพื่อให้แน่ใจว่ามี
การสะสมของใยผ้าหรือสิ่งสกปรกที่ อาจทำให้เกิดปัญหาในการหมุนเวี ยนของอากาศ หากมีฝุ่นหนา ควรใช้เครื่องดูดฝุ่ นทำความสะอาดแทน
เพื่อช่วยแก้ปัญหาผ้าไม่แห้