รีวิว UGREEN USB-C Hub ครบจบทุกการเชื่อมต่อใน Hub เดียวใช้ดีทั้งคอมและมือถือ


ถ้าให้เราพูดถึงอุปกรณ์ที่ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญของคนทำงานแล้ว USB Hub ที่ดีก็เป็นหนึ่งในปัจจัยหลักเช่นกัน เพราะในการใช้งานนานๆ ถ้า Adapter ที่ไม่ดีมันจะเกิดอาการร้อนตอนใช้นานๆและตัดการใช้งานได้ วันนี้เราเลยจะขอมาแนะนำ USB Hub จากทาง UGREEN ที่ผมได้ลองแล้วสามารถใช้งานได้ยาวนานโดยที่ไม่ตัดการเชื่อมต่อในราคาที่ไม่แพงจับต้องได้ง่ายด้วย.




สำหรับใครที่ไม่สะดวกที่จะอ่านบทความสามารถรับชมรีวิว UGREEN USB-C Hub 5 in 1 ในรูปแบบวิดีโอได้เช่นกันครับ.

- In The Box -


ภายในกล่องของ UGREEN USB-C 5 in 1 ประกอบไปด้วย คู่มือการใช้งาน และตัวอแดปเตอร์แค่ 2 อย่างเท่านั้น. 

- Design -


ตัว USB Hub สายมีความยาว 15ซม. พร้อมพอร์ตการเชื่อมทั้งหมด 5 พอร์ต โดยพอร์ตทั้ง 4 พอร์ตรวมไว้ทางด้านซ้าย คือ USB-C PD รองรับกำลังไปไดด้ถึง 60W คือสามารถนำมาใช้ชาร์จได้ทั้งคอมและมือถือ ส่วนอีก 3 พอร์ตด้านข้างนั้นจะเป็น USB 3.0 ทั้ง 3 พอร์ต ซึ่งข้อดีของ USB 3.0 ใน USB Hub นี้รองรับการถ่ายโอนข้อมูลได้ไวสุดถึง 5Gbps กันเลยทีเดียว. 


และสุดท้ายคือพอร์ต HDMI ที่อยู่ด้านล่างของตัวเครื่องที่รองรับการใช้งานสูงสุดเพียง 4K 30Hz ซึ่งถ้าต้องการใช้รีเฟรชเรตที่สมูทมากกว่า 60Hz ต้องปรับ resolution ของหน้าจอให้เหลือ Full HD เท่านั้น ซึ่งใครที่เป็นสายเกมเมอร์และต้องการหาพอร์ตต่อระหว่างเครื่องไปจออีกนอกแล้วละก็ ถ้ารับได้กับ Full HD ถือว่า UGREEN ทำได้ดีเลย หรือใครที่เป็นสายทำงานการใช้งาน 4K 30Hz ก็ไม่ได้แย่จนเกินไป.


เราจะเห็นว่า UGREEN USB-C Hub 5 in 1 นั้นมีขนาดที่ไม่ใหญ่จนเกินไปสามารถพกพาได้ง่ายสะดวกสบาย และวัสดุที่ใช้ยังเป็นอลูมิเนียมผิวด้าน โดยข้อดีของอลูมิเนียมคือช่วยในเรื่องของการระบายความร้อนที่สามารถได้ดี ด้วยความที่ผิวด้านสวยงามทำให้ไม่เห็นลอยนิ้วมือในการจับถือใช้งาน.

- Performance -


ข้อดีอย่างนึงของ USB Hub อันนี้เลยก็คือสามารถรองรับกำลังไฟได้มากถึง 60W ซึ่งเมื่อเราใช้งานแบบพอร์ตต่างๆนานเต็มวันก็ไม่เกิดอาการตัดการใช้งานของตัว USB Hub. รวมไปถึงสามารถใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟน แท็บเล็ตได้อีกด้วย ทั้งการต่อ HDMI เข้ากับจอทีวี หรือจะเป็นการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆผ่านช่อง USB 3.0 ก็สามารถใช้งานได้สบาย โดยผมได้ทดลองผ่าน เมาส์และคีย์บอร์ดก็สามารถใช้งานได้อย่างดีเยี่ยมกับสมาร์ทโฟน


โดยข้อจำกัดของการต่อ HDMI ผ่านสมาร์ทโฟนเลยก็คือ ถ้าสมาร์ทโฟนที่เราใช้รองรับการทำงาน Desktop Mode แล้วละก็มันจะดันความละเอียดจอไปที่ 4K 30Hz ไม่สามารถตั้งค่าความละเอียดใหม่ได้ แต่ถ้าเกิดสมาร์ทโฟนที่ใช้งานไม่มี Desktop Mode จะแสดงผลความละเอียดและอัตราส่วนตามหน้าจอของมือถือเรา ซึ่งถ้าเกิดว่าสมาร์ทโฟนของเรามีจอที่ต่ำกว่า 2K สามารถใช้งานรีเฟรชเรทได้ที่ 60fps. 



เมื่อนำมาใช้งานร่วมกับคอมพิวเตอร์ส่วนตัวด้วยแล้ว ช่วยให้เรามีพื้นที่การเชื่อมต่อเพิ่มมากขึ้นไปอีกระดับนึงเลย ทำให้การทำงานเชื่อมต่างๆนั้นทำได้เยอะขึ้นอีกด้วยเช่นกัน. 


สำหรับใครที่สนใจต้องการเป็นเจ้าของในการงาน สามารถหาซื้อได้ตามศูนย์บริการของ Com7 หรือผ่าน JIB ได้เลย. ส่วนใครที่ต้องการสั่งทางออนไลน์ก็มีทาง Lazada ผมแปะลิ๊งค์ไว้ตรงนี้เผื่อต้องการหามาเป็นเจ้าของกันนะครับ. UGREEN USB-C Hub with Lazada




ใหม่กว่า เก่ากว่า